แจ้งข่าวจ้า เร่ขายทิ้งเคเบิลทีวี หลังทีวีดิจิตอลเกิด รายเล็กถอดใจ เหลือ100ราย

หวัดดีจ้า

ขออนุญาตจ้า

เร่ขายทิ้งเคเบิลทีวี รายเล็กถอดใจมองไม่เห็นทางรอด ฟันธงทั่วประเทศเหลือไม่ถึง 100 ราย
Source - ฐานเศรษฐกิจ (Th)

Saturday, January 10, 2015 02:22
54271 XTHAI XOTHER XFRONT XECON DAS V%PAPERL P%TSK

เคเบิลทีวีดิ้นหนีตาย หลังผู้บริโภคเปลี่ยนเลือกดูของฟรี ส่งผลกระทบต้องเร่งปรับตัวหนัก "เจริญเคเบิลทีวี" เผยรายเล็กจ่อปิดตัวขายกิจการหนีอีกเพียบ เตรียมเงิน 200-300 ล้านรอช็อป ฟันธง 2 ปีเหลือไม่ถึง 100 รายทั่วประเทศ ด้านนายกสมาคมเคเบิ้ลฯ รับสภาพเหตุเศรษฐกิจขาลง วิ่งหารัฐ-เอกชนช่วยอุ้ม เสริมบริการ TELCO สร้างรายได้ ขณะที่ตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาล่าสุด พบยอดใช้จ่ายผ่านเคเบิล/ดาวเทียมลดฮวบ 38%
จับสัญญาณธุรกิจเคเบิลทีวี มีคำถามเกิดขึ้นว่ายังอยู่ดีอยู่หรือ หลังการเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอลที่ออกอากาศแล้ว 27 ช่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั้งรายเล็กและรายใหญ่ประสบปัญหา เพราะจำนวนช่องฟรีทีวีไม่ต่างจากเคเบิลทีวีมากนัก ประกอบกับประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์แคร์รี) บังคับให้แพลตฟอร์มทีวีอื่นนำช่องทีวีดิจิตอลไปออกอากาศด้วย ซึ่งเป็นภาระให้ผู้ประกอบการที่ช่องรายการเดิมถูกเบียดไปเกือบครึ่ง ผนวกกับสถานการณ์ที่รับชมโทรทัศน์ระบบเคเบิลทีวีลดลงต่อเนื่องนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าการพยุงตัวเองให้รอดในอนาคตนั้นไม่ง่าย
เคเบิลท้องถิ่นอาการหนัก
นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทเจริญยิ่ง (8888)ฯ ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นภายใต้ชื่อ "เจริญเคเบิลทีวี" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองในปัจจุบันส่งผลให้ผู้บริโภคลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลง โดยเฉพาะการรับชมโทรทัศน์ที่ต้องมีค่าบริการรายเดือน และหันไปรับชมบนแพลตฟอร์มของทีวีดาวเทียม IPTV และทีวีดิจิตอลแทน เพราะดูฟรีไม่เสียค่าบริการายเดือน ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเคเบิลทีวีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าในปีนี้จะมีผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาขาดทุนและต้องขายกิจการออกไปอีก 20-30% โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการเคเบิลทีวีรายเล็กที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยการรับซื้อกิจการต่อมาทั้งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลกว่า 10 ราย ใช้เงินลงทุนไปเกือบ 100 ล้านบาท
รายเล็กทยอยปิด-ขายกิจการ
ส่วนในปี 2558 นี้ คาดว่าจะมีเคเบิลทีวีรายเล็กที่จะต้องปิดกิจการและพร้อมที่จะขายกิจการให้กับผู้อื่นอีกมากมาย โดยบริษัทเองเตรียมงบประมาณสำหรับซื้อกิจการจากผู้ประกอบการรายเล็กเพิ่มเติมอีก 20-30 ราย ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินราว 200-300 ล้านบาทเพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจของเจริญเคเบิลทีวีต่อไป อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่าในปี 2558-2559 ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีจะหายไปจากตลาดจำนวนมากและเหลือไม่ถึง 100 รายทั่วประเทศที่ยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้
โดยในปัจจุบันผู้ประกอบการเคเบิลทีวี แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มผู้ประกอบการรายเล็ก มีฐานสมาชิก 2-5 พันราย มีสัดส่วน 50% ของตลาดเคเบิลทีวีทั้งหมด 2. กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง มีฐานสมาชิกประมาณ 5 พัน - 1 หมื่นราย มีสัดส่วน 25% ของตลาดเคเบิลทีวีทั้งหมด 3.กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ มีฐานสมาชิกตั้งแต่ 1 หมื่นรายขึ้นไป มีสัดส่วน 25% ของตลาดเคเบิลทีวีทั้งหมด ขณะที่จำนวนครัวเรือนที่สามารถรับชมโทรทัศน์ในเมืองไทยซึ่งมีอยู่กว่า 22 ล้านครัวเรือน พบว่า 30% รับชมโทรทัศน์ผ่านทางระบบอะนาล็อก (ก้างปลาและหนวดกุ้ง) ส่วน 70% รับชมโทรทัศน์ผ่านทางระบบเคเบิลทีวี ซึ่งสามารถรับชมได้ทั้งฟรีทีวี (ช่อง 3 5 7 9 และ TPBS), ทีวีดิจิตอล, ทีวีบอกรับสมาชิก และทีวีดาวเทียม
นายวิชิต กล่าวต่อไปว่า ในปี 2550 ซึ่งเป็นช่วงที่บูมที่สุดของธุรกิจเคเบิลทีวี พบว่ามีผู้ประกอบการเกือบ 1 พันราย ก่อนที่จะประสบปัญหาทำให้มีผู้ประกอบการลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปี 2555-2556 ที่พบว่ามีผู้ประกอบการหายไปกว่า 300 ราย และปัจจุบันเหลือผู้ประกอบการเคเบิลทีวีกว่า 300 รายเท่านั้น ขณะที่แนวโน้มของธุรกิจเคเบิลทีวีทั่วโลกก็มีทิศทางในทางเดียวกันคือลดลงอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปรับชมสื่อใหม่
ส.เคเบิลดิ้นหารัฐ-เอกชนช่วย
ต่อเรื่องนี้ นายณัฏฐชัย อักษรดิษฐ นายกสมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทย และประธานกรรมการ บริษัท เอ็มเอสเอส เคเบิ้ล เน็ตเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า พฤติกรรมผู้ชมโทรทัศน์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปและเข้าสู่ยุคมัลติสกรีน (หลายจอ)อย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลต่อการรับชมโทรทัศน์ระบบเคเบิลทีวีทำให้ลดลงต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในปี 2557 ตลาดเคเบิลทีวียังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจขาลงและการแข่งขันที่รุนแรงจากการมีทีวีดิจิตอล ทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายในส่วนต่างๆ รวมถึงการรับชมโทรทัศน์แบบรายเดือน และแนวโน้มดังกล่าวยังต่อเนื่องมาในปีนี้ ดังนั้นผู้ประกอบการเคเบิลทีวีจึงต้องเร่งปรับตัวก่อนที่จะได้รับผลกระทบหนัก
สมาคมเตรียมหาทางออกให้กับผู้ประกอบการโทรทัศน์เคเบิลทีวีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ด้วยการช่วยประสานงานระหว่างเคเบิลทีวีต่างๆกับภาครัฐ และเอกชนให้เข้ามาสนับสนุนในฐานะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ส่วนในระยะยาวสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิลทีวีในต่างจังหวัด จะสนับสนุนให้หันมาดำเนินธุรกิจในด้าน TELCO (โทรคมนาคม) เพิ่มเติม โดยเพิ่มฟังก์ชันการให้บริการด้านโทรคมนาคม หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ตแก่ผู้ชมด้วย เนื่องจากเทรนด์ของผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มหันมารับชมคอนเทนต์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆทางออนไลน์มากขึ้น แต่ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงระบบสัญญาณดังกล่าวก็ต้องใช้งบลงทุนการเปลี่ยนผ่านจากระบบอะนาล็อกสู่ดิจิตอล พัฒนาสู่โทรคมนาคม ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้เงินลงทุนที่สูง เบื้องต้นจะอยู่ในหลักแสนถึงร้อยล้านบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการพัฒนาธุรกิจเคเบิลทีวีให้มีบริการ TELCO เกิน 50% แล้ว ซึ่งหากผู้ประกอบการทุกรายสามารถทำได้ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น และเติบโตกว่า 100-200% ขณะนี้ที่รายได้ในด้านของเคเบิลจะทรงตัว นอกจากนี้สมาคมยังคงมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการเคเบิลจังหวัดผลิตคอนเทนต์ท้องถิ่นให้มีคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากคอนเทนต์ท้องถิ่นสามารถเป็นจุดขายให้กับเคเบิลทีวีได้
ปัจจุบันสมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทย มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 300 ราย แบ่งเป็นสมาชิกในเขตกรุงเทพฯ 20 ราย และต่างจังหวัดอีกกว่า 200 ราย
รายเล็กไร้ทุนพัฒนา TELCO
นายวิชิต กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า การที่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีหันมาเสริมธุรกิจด้าน TELCO อาจจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้ประกอบการเคเบิลทีวีอีกจำนวนมากไม่มีงบลงทุนการเปลี่ยนระบบสัญญาณจากอะนาล็อกเป็นดิจิตอล และการพัฒนา TELCO เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูง ดังนั้นในขณะนี้สิ่งที่ทำได้คือการรวมกลุ่มให้ผู้ประกอบการรายเล็กมารวมกลุ่มกับผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิลขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เพื่อพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยการพัฒนาจากคอนเทนต์ทั่วไปและระบบการรับส่งสัญญาณแบบย่อยให้มีคุณภาพและมาตรฐานในอุตสาหกรรมมากขึ้น
ขณะเดียวกันในภาพรวมของตลาดเคเบิลทีวีทั้งหมดมีผู้ประกอบกิจการจำนวนทั้งสิ้นกว่า 300 ราย ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่ามีผู้ประกอบการราว 10 รายเท่านั้นที่สามารถประกอบธุรกิจรูปแบบ TELCO และพัฒนาสายจากระบบอะนาล็อกเป็นดิจิตอลได้ แต่ผู้ประกอบการรายที่เหลือเกือบ 300 รายจะไม่สามารถทำได้ และต้องขาดทุน หรือล้มหายไป
2 ปี เคเบิลทีวีหาย
ด้านนายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า 6 ปีก่อนตลาดทีวีดาวเทียมค่อนข้างมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 200-300% แต่พอเข้าสู่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดนี้กลับมีอัตราการเติบโตเพียง 20-30% แต่ฐานตลาดในอดีตกับปัจจุบันค่อนข้างแตกต่างกัน เนื่องจากในปัจจุบันฐานตลาดของทีวีดาวเทียมค่อนข้างใหญ่ และมีเม็ดเงินรายได้เข้ามามากกว่าในอดีต ขณะที่ธุรกิจเคเบิลทีวี มองว่าอาจจะอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากเป็นตลาดที่แคบ และต้องมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นธุรกิจที่ผู้ชมต้องเสียค่าบริการรายเดือนจะไม่สามารถอยู่ได้ และเชื่อว่าภายใน 2 ปีต่อจากนี้ผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิลทีวีจะหายไปจากตลาด
อย่างไรก็ดี หลังจากเกิดทีวิดิจิตอล พบว่าใน 2-3 เดือนแรกทีวีดาวเทียมได้รับผลกระทบมีรายได้ลดลง แต่เชื่อว่าปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นสามารถกลับมาขายกล่องได้ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้บริโภคส่วนใหญ่คาดหวังกับทีวีดิจิตอลมาก ทั้งในเรื่องของคุณภาพ และการติดตั้ง แต่พอเข้าสู่สถานการณ์การแลกกล่องจริงกลับไม่เป็นอย่างที่ใครหลายคนคิด เนื่องจากอุปกรณ์และการติดตั้งไม่ง่าย อีกทั้งสัญญาณการรับชมที่ผ่านมายังไม่ค่อยเสถียร
ซีทีเอชดิ้นหาพันธมิตรเพิ่มรายได้
ขณะที่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียมต้องดิ้นหนีตายหลังลูกค้าหันใช้บริการทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้น แต่ดูเหมือนค่ายซีทีเอช ที่มีสายป่านยาวไกลเพราะมีแบ็กดีอย่าง "วิชัย ทองแตง" นักธุรกิจหุ้นชื่อดัง ซึ่งเป็นที่ฮือฮาเมื่อทุ่มเงินกว่าหมื่นล้านบาท ประมูลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ (EPL) 3 ฤดูกาลรวด ตั้งแต่ 2013-2016 ตัดหน้าทรู วิชั่นส์ ที่ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอล EPL ในเมืองไทยมายาวนานกว่า 20 ปี แต่การชนะประมูลไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่าซีทีเอชประสบความสำเร็จ ด้วยโครงสร้างธุรกิจ ผนวกความไม่พร้อมในหลายด้านทำให้ซีทีเอชประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักหลังเปิดฤดูกาล เพราะไม่สามารถทำรายได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ที่ถูกแต่งตั้งให้เข้ามาทำหน้าที่ปฏิวัติซีทีเอชครั้งใหญ่ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า แม้ปัจจุบันซีทีเอช จะมีฐานลูกค้าบรรลุ 3 ล้านคนตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ (ส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าที่มาจากพันธมิตร) แต่ซีทีเอชก็ยังเดินหน้าเพิ่มจำนวนลูกค้าโดยล่าสุดได้เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ "อีซี่ แพ็คเกจ" ซึ่งสามารถชมคอนเทนต์ระดับพรีเมียมในราคาแมสสุดๆ 299 บาทต่อเดือนหรือเพียงแค่ 10 บาทต่อวัน เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกค้าใหม่ๆ เดินเข้ามาเป็นสมาชิก และในปี 2558 ยังคงเดินหน้าจับมือกับพันธมิตร เพิ่มคอนเทนต์ และแพ็กเกจใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เม็ดเงินโฆษณาฮวบ 38%
จากตัวเลขล่าสุดของ AQX, Intensive Watch, Arianna ระบุว่า การใช้จ่ายเงินโฆษณาของอุตสาหกรรมสื่อ ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 1.15 แสนล้านบาท ลดลง 4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดใช้จ่าย 1.31 แสนล้านบาท โดยมีการใช้จ่ายเงินผ่านสื่อโทรทัศน์ 5.89 หมื่นล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดใช้จ่าย 6.92 หมื่นล้านบาท สื่อทีวีดิจิตอล ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นในปี 2557 มีการใช้จ่าย 9.58 พันล้านบาท ส่วนสื่อเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม มีการใช้จ่าย 6.71 พันล้านบาท ลดลง 38% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดใช้จ่าย 1.18 หมื่นล้านบาท
โดย 5 อันดับแรกที่มียอดการใช้จ่ายเงินโฆษณาผ่านทางเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมสูงสุดได้แก่ ธุรกิจบันเทิง 960 ล้านบาท, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (สกินแคร์) 786 ล้านบาท, ธุรกิจสื่อสาร 662 ล้านบาท, ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (แฮร์แคร์) 414 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ซักล้าง 357 ล้านบาท--จบ--

ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 11 - 14 ม.ค. 2558--

ไปแล้วนะจ้า

บายจ้า

	ชื่อ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน 18, เมษายน 2024, 09:27:18 am

ข่าว: :: ต้องการประชาสัมพันธ์สินค้าติดต่อ boransat@gmail.com ::