ชื่อ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
22, พฤษภาคม 2024, 05:36:37 am
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: :: ต้องการประชาสัมพันธ์สินค้าติดต่อ boransat@gmail.com ::

dvb

+  บอร์ดโบราณ ดาวเทียม - HD player - CCTV
|-+  อุปกรณ์เครื่องรับดาวเทียมทีวีดิจิตอล
| |-+  ถามตอบปัญหาดาวเทียมและทีวีดิจิตอล
| | |-+  ไทยคม7 ขึ้นโคจรสำเร็จ ยอดจองใช้เต็มจำนวน 100%
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ไทยคม7 ขึ้นโคจรสำเร็จ ยอดจองใช้เต็มจำนวน 100%  (อ่าน 3248 ครั้ง)
muzazhi
Special Member
*
กระทู้: 82


อีเมล์
« เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 03:16:23 pm »

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ไทยคมได้ประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรที่ 120 องศาตะวันออก จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไทยคม 7 จะให้บริการครอบคลุมเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปออสเตรเลีย โดยขณะนี้มียอดจองเต็มจำนวน 100% 

ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410163320
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
kaijae
Special Member
*
กระทู้: 8,824


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 03:23:06 pm »

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ไทยคมได้ประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรที่ 120 องศาตะวันออก จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไทยคม 7 จะให้บริการครอบคลุมเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปออสเตรเลีย โดยขณะนี้มียอดจองเต็มจำนวน 100% 

ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410163320


สำเร็จในการเอาทรัพย์สินของทุกคนในชาติ ไปให้คนต่างชาติใช้ด้วยครับ แลกกับผลประโยชน์ของคนไม่กี่คน
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ston12
Jr. Member
**
กระทู้: 127


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 03:27:16 pm »

กัดทะลุมิติเลยนะท่าน เอารายละเอีบดมาอ่านหน่อยว่า มันคืออะไร
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
x-men
Hero Member
*****
กระทู้: 1,989


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 03:55:25 pm »

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เคยแถลงข่าวช่อง HD ใช่หรือปล่าว แล้วก็เงียบไป มีไทยคม 7 แล้วอย่าลืมช่อง HD

http://www.thaidigitaltelevision.com/forum/index.php?topic=91.0

http://pantip.com/topic/32284539
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
sorawit
Hero Member
*****
กระทู้: 1,002


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 04:00:00 pm »

ต้องเข้าใจว่ามันเป็นดาวเทียมสัญชาติไทย ตำแหน่งดาวเทียมก็เป็นสิทธิ์ของไทย สิทธิของไทยมี2ตำแหน่ง 120 และ78.5  ไม่ต้องคิดมากหรอกครับสังคมโลกเป็นสังคมทุนนิยม มีดาวเทียมอีกหลายดวงที่นายทุนใช้สิทธิของต่างชาติในการยิงดาวเทียม. ทุนนิยมก็เป็นอย่างนี้แหละดูอย่างพรีเมียร์ลีกอังกฤษมีทุนจากต่างชาติเข้าไปซื้อทีมกี่ทีมแล้วละ เราไม่ต้องยึดติดมากยังไงไทคมก็อยู่ในตลาดหุ้นอยากเป็นเจ้าของก็เข้าไปซื้อหุ้น วันดีคืนดีมีทุนมากคนไทยก็ซื้อกลับได้    พรีเมียร์ลีกยังมีคนไทยเป็นเจ้าของเลย คิดเสียว่าสมบัติผลัดกันชม ยังไงกระแสทุนนิยมของโลก หยุดมันไม่ได้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
kaijae
Special Member
*
กระทู้: 8,824


อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 04:13:34 pm »

กัดทะลุมิติเลยนะท่าน เอารายละเอีบดมาอ่านหน่อยว่า มันคืออะไร

ข้อถกเถียงการถือกรรมสิทธิ์ดาวเทียมและวงโคจร กิจการดาวเทียมเป็นกิจการสัมปทานที่ได้รับการอนุญาตโดยการทำสัญญาจาก กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ผู้มีสิทธิให้อนุญาตและเพิกถอนสัญญาเรียกคืนสัมปทาน แต่เช่นเดียวกับการถือสัมปทานอื่น ผู้ให้สัมปทาน (หน่วยงานของรัฐ) ไม่สามารถบริหารดาวเทียม คงจะเป็นผู้กำกับและเป็นเจ้าของทรัพย์สินและคลื่นความถี่เท่านั้น แต่เป็นบริษัทผู้ได้รับสัมปทาน ที่บริหารนโยบายการใช้งานดาวเทียมได้เอง หากไม่ขัดกับเงื่อนไขสัญญาสัมปทาน

เดิมทีบริหารนโยบายการใช้งานดาวเทียม แม้ว่าไม่ใช่โดยหน่วยงานของรัฐ แต่ก็ยังถือว่าโดยบริษัทของชาวไทย (มีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่) แต่เมื่อ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขายหุ้นครั้งใหญ่ สายการบริหารจึงดำเนินการโดยบริษัทของชาวสิงคโปร์ (ชาวสิงคโปร์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)

อย่างไรก็ตาม มีกระแสความเห็นว่า ยังไม่ใช่การครอบครองโดยเบ็ดเสร็จ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยังเป็นผู้พิจารณาให้สัมปทาน จึงอาจกล่าวโดยมุมมองที่ต่างกันไปว่า เจ้าของที่แท้จริงยังเป็นคนไทย เพียงแต่ให้ชาวต่างชาติเช่าเพื่อดูแลและใช้งานในธุรกิจ อีกทั้งยังอาจมีวิธียึดคืนสัมปทานได้ ถ้าค้นคว้าได้ว่าผิดสัญญา

ทั้งนี้ ข้อกฎหมายตั้งเงื่อนไข ห้ามมิให้บริษัทที่ชาวต่างชาติถือหุ้นรายใหญ่ในสัมปทาน เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจคนต่างด้าว และพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม แต่ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ซึ่งเป็นผู้ถือรายหุ้นใหญ่ใน บริษัท ไทยคม จำกัด) ได้ขายหุ้นให้ บริษัท ซีดาร์ โฮลดิงส์ จำกัด ซึ่งบริษัทนี้ แม้จดทะเบียนในประเทศไทย แต่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิงส์ จำกัด [6] (สรุปให้ง่ายว่า ขณะนี้ บริษัทไทยคม เป็นบริษัทลูกของ บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัทซีดาร์โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัทเทมาเส็กโฮลดิงส์)

ดังนั้นถ้าพิจารณาโดยเบื้องต้น จึงไม่ขัดกับข้อกฎหมาย เพราะ บริษัทชินคอร์ปอเรชั่นไม่ใช่บริษัทต่างชาติโดยตรง ที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (เป็นบริษัทลูกอีกชั้นหนึ่ง) ทั้งนี้ถือเป็นการเลี่ยงโดยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย ซึ่งถ้าพิจารณาตามสายการบริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่จากบริษัทเทมาเส็กโฮลดิงส์ สามารถล็อบบี้และควบคุมการบริหารและดำเนินนโยบายใน กิจการดาวเทียมไทยคม โดยลำดับเป็นทอดๆ .................

กรุงเทพฯ  20 ก.ค. - นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)  เปิดเผยภายหลังการหารือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า ได้หารือถึงแนวทางดำเนินการกิจการดาวเทียมของประเทศ โดยเฉพาะการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม 120 องศาตะวันออก และ 50.5 องศาตะวันออก ที่ประเทศไทยต้องการรักษาตำแหน่งไว้  ซึ่ง กสทช.พร้อมจะให้ความร่วมมือกับกระทรวงไอซีทีในการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมดังกล่าวเพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ

ทั้งนี้  ทางบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นข้อเสนอมายังกระทรวงไอซีที ว่าจะเป็นผู้ดำเนินการลากดาวเทียมจากตำแหน่งอื่นมารักษาตำแหน่งวงโคจร 120 องศาตะวันออก ให้ โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ แลกเปลี่ยนการดำเนินการดังกล่าว เพราะเป็นการดำเนินการตามสัญญาสัมปทาน ซึ่งเมื่อปี 2546 ไทยคมก็ได้ลากดาวเทียมจากตำแหน่งอื่นมาไว้ที่ตำแหน่งวงโคจร 50.5 องศาตะวันออก เพื่อรักษาสิทธิ์ในวงโคจรดังกล่าวเอาไว้

“ไทยคมยื่นข้อเสนอมา  2 ครั้ง ว่าจะดำเนินการรักษาตำแหน่งวงโคจร 120 องศาตะวันออกเอาไว้ โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เลย เพราะเป็นการดำเนินการภายใต้สัญญาสัมปทาน  อย่างไรก็ตาม การรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมของประเทศ ถือว่าทุกฝ่ายช่วยกันเป็นอย่างดีในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ”  นางจีราวรรณ  กล่าว

นายสุรนันท์  วงศ์วิทยกำจร  รักษาการกรรมการ กสทช. กล่าวว่า กสทช.พร้อมจะสนับสนุนการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมทั้งสองตำแหน่งอย่างเต็มที่ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการรักษาสิทธิ์ตำแหน่งดาวเทียม โดยหลังจากนี้ กสทช.จะทำงานคู่ขนานไปกับกระทรวงไอซีที เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการดาวเทียมของประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม 120  องศาตะวันออกที่ประเทศไทยได้จองสิทธิ์ไว้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จะสิ้นสุดการจองสิทธิ์ในเดือนมกราคม 2555 ส่วนตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออก จะสิ้นสุดเดือนตุลาคม 2555  ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้ บมจ.กสท โทรคมนาคม ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการลากดาวเทียมจากตำแหน่งอื่นมาวางไว้ในตำแหน่ง  120 องศาตะวันออก  แต่เกิดปัญหาด้านเทคนิคและผลการศึกษาพบว่าไม่คุ้มค่าการลงทุน ทำให้ กสท ฯไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการลากดาวเทียมจากประเทศจีนมาไว้ในตำแหน่ง 120 องศา จะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า  500 ล้านบาท ฉะนั้นจึงต้องหาช่องทางอื่นในการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม ซึ่งเมื่อ บมจ.ไทยคมได้ยื่นข้อเสนอมายังกระทรวงไอซีที ว่าพร้อมจะดำเนินการให้  ดังนั้นก็ต้องให้ไทยคมเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญา .-สำนักข่าวไทย


แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

kaijae
Special Member
*
กระทู้: 8,824


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 04:24:50 pm »

กัดทะลุมิติเลยนะท่าน เอารายละเอีบดมาอ่านหน่อยว่า มันคืออะไร

“อนุดิษฐ์” เสนอ ครม.ชี้ขาดแนวทางรักษาวงโคจรดาวเทียม ด้วยการเปิดทางไทยคมร่วมมือเอเชียแซท ของฮ่องกง ร่วมวงรักษาสิทธิ์ประเทศไทย หลังไอทียูขีดเส้นตายสิ้นปีนี้ ต้องมีดาวเทียมในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า กระทรวงไอซีทีเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 13 ก.ย.2554 พิจารณาเห็นชอบแนวทางการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก และ 50.5 องศาตะวันออก ซึ่งกระทรวงไอซีทีได้เห็นชอบให้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานดาวเทียม เป็นผู้ดำเนินการรักษาตำแหน่งวงโคจรทั้งสองตำแหน่ง โดยเป็นการดำเนินการภายใต้สัญญาสัมปทานดาวเทียมเดิมที่มีอยู่ ซึ่งเหลืออายุสัญญาสัมปทาน 9-10 ปี

“เมื่อพิจารณาแนวทางรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมแล้ว พบว่ารัฐไม่เสียประโยชน์ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะที่ประเทศชาติก็รักษาวงโคจรดาวเทียมไว้ได้ และเป็นการดำเนินการตามสัญญาสัมปทานดาวเทียมเดิมที่มีอยู่ เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะประเทศไทยจะต้องมีดาวเทียมอยู่ในวงโคจรดาวเทียมตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก ภายในปี 2554 เพราะมิฉะนั้นจะเสียสิทธิ์ไปได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมมี 2 แนวทางที่กระทรวงไอซีทีจะเสนอให้ ครม.พิจารณานั้น ประกอบด้วย แนวทางที่ 1 ให้ไทยคมจัดหาดาวเทียมของผู้ประกอบการต่างประเทศมาวางไว้ในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก เป็นการชั่วคราว โดยในช่วงที่ดาวเทียมอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว อาจให้เจ้าของดาวเทียมนั้นนำช่องสัญญาณให้บริการหารายได้ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการรักษาวงโคจร หลังจากนั้นทางไทยคมและกระทรวงไอซีทีจะหารือถึงการจัดสร้างดาวเทียมดวงใหม่เพื่อใช้งานในอนาคต โดยแนวทางนี้มีความเป็นไปได้ยาก เพราะมีข้อจำกัดทางด้านเทคนิคในการใช้งานทั้งย่านความถี่  C-band  และ  Ku-band เพราะจะมีสัญญาณรบกวนกับดาวเทียมดวงอื่นๆ จึงยังไม่มีข้อสรุปกับผู้ประกอบการต่างประเทศ

แนวทางที่ 2 คือ เปิดทางให้ไทยคมเจรจาและดำเนินการร่วมกับบริษัท เอเชียแซท จำกัดของฮ่องกง ผู้ให้บริการดาวเทียมในตำแหน่ง 122 องศาตะวันออก ซึ่งปัจจุบันมีดาวเทียมอยู่ในตำแหน่ง 122 องศาตะวันออก ที่เหลืออายุการใช้งาน 8-9 ปี อีกทั้งยังมีแผนที่จะยิงดาวเทียมดวงใหม่ด้วย ประกอบกับเงื่อนไขข้อตกลงกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) นั้น หากประเทศไทยจะยิงดาวเทียมไปไว้ในวงโคจร 120 องศาตะวันออกแล้ว จะต้องหารือกับบริษัทเอเชียแซทให้มีข้อตกลงที่ชัดเจน เพราะวงโคจรที่ 120 และ 122 องศาตะวันออก จะเป็นช่วงที่สัญญาณดาวเทียมจะรบกวนซึ่งกันและกัน ฉะนั้น จึงต้องตกลงร่วมกันก่อนที่จะดำเนินการ

ในเบื้องต้นอาจนำดาวเทียมที่อยู่ในตำแหน่ง 122 องศาตะวันออก มาเป็นดาวเทียมชั่วคราว (Interim satellite) มาวางไว้ในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก เพื่อรักษาสิทธิ์วงโคจรไว้เป็นการชั่วคราว แต่ถ้าหากดาวเทียมดวงนี้สามารถอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวได้นาน ทางไทยคมและเอเชียแซทก็จะขอนำช่องสัญญาณของดาวเทียมในวงโคจร 120 องศาตะวันออก มาให้บริการลูกค้า ทั้งนี้ แนวทางที่ 2 มีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะนอกจากจะรักษาสิทธิ์วงโคจรไว้แล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ทดแทนค่าใช้จ่ายในการลากดาวเทียมมาวางไว้ในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก อีกทั้งจะเป็นไปตามข้อตกลงกับไอทียู ที่จะมีดาวเทียมเพื่อรักษาสิทธิ์วงโคจรดาวเทียมไว้ภายในปี 2554

อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงไอซีทีเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว จะต้องประสานงานไปยังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อขออนุญาตการใช้คลื่นความถี่และการอนุญาตให้ ไทยคมสามารถนำช่องสัญญาณมาให้บริการได้..............

15 กุมภาพันธ์ 2557 (บทความ) ไขปริศนาไทยคม 8 ไม่ต้องประมูล // ระบุโดยไทยคมมีสิทธิ์ใช้วงโคจร 4 ตำแหน่ง อีก2ไม่ได้ใช้เหตุต้องใช้งบลงทุนสูงในการสร้างสถานีรับส่งภาคพื้นดินในบริเวณกลางทะเล ( ICTเร่งขอวงโคจร 78.5 องศาตะวันออก (หรือใกล้เคียง) แข่งกับ รัสเซีย จีน อินเดีย มาเลเซีย )

ประเด็นหลัก


   คำถามที่ตามมา หนีไม่พ้นข้อกล่าวหาว่า 1.เป็นการเอื้อให้เกิดการผูกขาดให้บริการดาวเทียมสื่อสารของบริษัท ไทยคมเพียงรายเดียวหรือไม่ เพราะไทยคมทำหนังสือถึงกสทช.ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 2556เพื่อเพิ่มบริการโครงการสื่อสารผ่านดาวเทียมภายใต้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3หรือการยิงดาวเทียมไทยคม 8 ในปี 2558และ2.ทำไมถึงไม่เปิดประมูลวงโคจรดาวเทียมที่ปัจจุบันไทยได้รับการจัดสรรจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) 6 ตำแหน่ง เพราะการเปิดประมูลวงโคจรดังกล่าวยังจะเป็นการเปิดเสรีกิจการดาวเทียม โดยเป็นการให้เอกชนรายอื่นๆสามารถให้บริการดาวเทียมได้ นอกเหนือจากไทยคม นอกจากนี้ 3.การใช้วงโคจรดาวเทียมเป็นไปเพื่อการสื่อสารซึ่งมีการใช้คลื่นความถี่ ดังนั้น ต้องเปิดประมูลตามมาตรา 45 พ.ร.บ. กสทช.2553 ที่กำหนดให้คลื่นความถี่ต้องจัดสรรด้วยการเปิดประมูลเท่านั้น
   

   
       สำหรับเรื่องวงโคจรนั้นปัจจุบันไทยมีสิทธิ์ในวงโคจร 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 50.5 ,78.5 ,119.5 ,120 ,126 และ 142 องศาตะวันออก โดยไทยคมมีสิทธิ์ใช้วงโคจร 4 ตำแหน่ง คือ 50.5 ,78.5 ,119.5 และ 120 องศาตะวันออกขณะที่อีก 2 ตำแหน่งที่เหลือยังไม่เคยมีการใช้งานดาวเทียม เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ครอบคลุมบริเวณมหาสมุทรอินเดีย และบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก จึงต้องใช้งบลงทุนสูงในการสร้างสถานีรับส่งภาคพื้นดินในบริเวณกลางทะเล
   
       หากจะขยายความสิ่งที่ประธานอนุกรรมการฯชี้แจงว่าทำไมวิธีการประมูลวงโคจรหรือประมูลความถี่ไม่เหมาะจะนำมาใช้กับธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมไทย สามารถอธิบายได้ดังนี้ 1.ตำแหน่งวงโคจร ไม่ได้เป็นสิทธิเด็ดขาดของประเทศใดประเทศหนึ่ง ต้องไปประสานงานในไอทียูกับประเทศอื่นๆ ที่มีความต้องการใช้วงโคจรนั้นๆ โดยประเทศที่ต้องการใช้ตำแหน่งวงโคจรใดๆ ผู้ประกอบการโดยหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบจะต้องส่งเอกสาร หรือ Filing แจ้งความต้องการไปยังไอทียู สำหรับในไทยจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ส่ง Filing ซึ่งถ้าหากประสานงานสำเร็จ จึงจะใช้ตำแหน่งวงโคจรนั้นๆได้ ทำให้เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถใช้การประมูลได้ในทางปฎิบัติจริง
   
       ที่สำคัญวงโคจรเป็นลักษณะ Make Available หรือ หมายถึง สิทธิในวงโคจรยังไม่มี แต่ต้องไปทำให้มันมีขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันไทยไม่มีวงโคจรเหลือแล้วที่มีตามสัมปทานเดิมก็ใช้ไปแล้ว ประเทศไทยไม่ได้มีวงโคจรเป็นทรัพยากรที่จะเอามาประมูลกันได้ ดังนั้นวงโคจรเป็นสิ่งที่ต้อง Make Available โดยรีบไปจองเพิ่มที่ไอทียู แล้วประสานงานกับต่างประเทศตามกระบวนการ ซึ่งในเรื่องการประมูลนั้นบางประเทศอย่างสหรัฐอเมริกามีกฎหมายห้ามประมูลวงโคจรด้วยซ้ำ
   
       2.ในกิจการดาวเทียมต้องประมูลความถี่ตามมาตรา 45 หรือไม่ หากพิจารณาตามมาตรา 47 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่บอกว่าคลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระองค์กรหนึ่งทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ตามวรรคหนึ่งและกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม



       จะเห็นได้ว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมีอำนาจอยู่ภายใต้ของเขตอธิปไตยของประเทศไทยซึ่งถือว่าเป็นทรัพยกรของชาติและประเทศไทยมีสิทธิเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่วงโคจรและคลื่นความถี่ในอวกาศ ไม่ได้เป็นสิทธิขาดของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นทรัพยากรร่วมของทุกประเทศที่มีสิทธิใช้งานเท่าเทียมกันตามธรรมนูญของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU Constitution) และกฎข้อบังคับวิทยุ (ITU Radio Regulations) ข้อ 0.3 (Preamble) ทำให้อำนาจกสทช.ตามกฎหมายนั้น ไม่ครอบคลุมถึงการจัดสรรวงโคจร
   
       'ดังนั้นวงโคจรกับคลื่นความถี่ในอวกาศจึงอยู่นอกเหนืออำนาจของกสทช.ตามมาตรา 45 ไม่สามารถนำมาใช้บังคับเพื่อจัดสรรคลื่นความถี่ในอวกาศด้วยวิธีการประมูลได้'
   
 
   
       ในเรื่องประเด็นที่มักถูกกล่าวหาว่าธุรกิจดาวเทียมสื่อสารนั้นเป็นธุรกิจผูกขาดโดยบริษัท ไทยคมแต่เพียงผู้เดียวนั้น ก็เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากในช่วงแรกไทยคมได้รับสัมปทานผูกขาดให้บริการรายเดียวเพียง 8 ปี ซึ่งความคุ้มครองดังกล่าวสิ้นสุดไปนานแล้ว ปัจจุบันธุรกิจโทรคมนาคมอยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาต หากใครสนใจที่จะให้บริการดาวเทียมสื่อสารเพื่อแข่งกับไทยคม ก็สามารถไปขอใบอนุญาตจากกสทช.ได้ทันที
   
       แต่ที่ยังไม่มีผู้ประกอบการหน้าใหม่ เป็นเพราะดาวเทียมสื่อสารเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนสูง ต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมทั้งเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง เพราะหากประสานงานวงโคจรไม่สำเร็จ ก็ไม่สามารถยิงดาวเทียมได้ และยังมีความเสี่ยงจากการจัดส่งดาวเทียมขึ้นสู่ห้วงอวกาศด้วย อย่างไรก็ตามใช่ว่าไทยคมจะไร้คู่แข่ง เพราะทุกวันนี้ไทยคมต้องแข่งกับดาวเทียมต่างประเทศที่มีฟุตพรินท์หรือพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมทับซ้อนกับไทยคม
   
       ส่วนเหตุผลที่กสทช.ควรอนุญาตให้จัดส่งไทยคม 8 ในตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก โดยไม่ต้องใช้วิธีการประมูลวงโคจรนั้น เป็นเพราะตำแหน่งวงโคจรที่ 78.5 องศาตะวันออกนั้นปัจจุบันที่ดาวเทียมไทยคม 5 กับไทยคม 6 ใช้งานอยู่แล้ว การจัดส่งดาวเทียมอีกดวงเพื่อไปใช้วงโคจรร่วมกันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคอย่างสูง เพื่อให้ดาวเทียม 3 ดวงอยู่ในตำแหน่งวงโคจรเดียวกัน
   
       อีกทั้งทุกวันนี้ประเทศไทยยังไม่มีสิทธิใช้ดาวเทียมไทยคม 8 ที่ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก เพราะต้องไปประสานงานวงโคจรกับประเทศอื่นๆให้สำเร็จจึงจะใช้งานได้ เพราะไทยไม่เคยมีสิทธิอยู่แต่เดิม ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของไทยคมในการประสานงานกับวงโคจรประเทศอื่นให้สำเร็จ เนื่องจากสิทธิในวงโคจร เป็นสิทธิเฉพาะสำหรับดาวเทียมแต่ละดวงที่ประสานงานวงโคจรสำเร็จ อย่าง ไทยคม 5 กับไทยคม 6 ก็ประสานงานที่ตำแหน่าง 78.5 องศาตะวันออกสำเร็จแล้ว แต่ถ้าจะมีไทยคม 8 ก็ต้องเริ่มประสานงานใหม่ ไม่สามารถใช้ได้ทันที
   
       ทั้งนี้ไทยคมได้ส่งหนังสือลงวันที่ 21 มกราคม 2557 ไปยังกสทช.เพื่อขอให้เร่งรัดพิจารณาอนุญาตไทยคม 8 โดยอ้างเหตุผลสำคัญว่าไทยคม 8 จะทำให้ประเทศไทยมีช่องสัญญาณของดาวเทียมของไทยใช้งานเพียงพอ เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม ต่ออุตสาหกรรมบรอดคาสต์ ต่อประชาชนผู้ใช้งาน และต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของ กสทช. เกี่ยวกับ หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must carry) ในการที่จะส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการโทรทัศน์ขั้นพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง ซึ่งการมีช่องสัญญาณเพียงพอจะส่งผลให้เกิดธุรกิจต่อเนื่องและเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เช่น ผู้ผลิตรายการและผู้ประกอบการสถานีวิทยุและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก ผู้ประกอบการสื่อสารและโทรคมนาคม รวมถึงประชาชนทั่วประเทศที่จะได้รับประโยชน์จากช่องสัญญาณดาวเทียม
   
       หากไม่สามารถดำเนินโครงการไทยคม 8 หรือถูกชะลอให้ล่าช้าออกไป ประเทศไทยก็จะไม่มีช่องสัญญาณดาวเทียมของไทยเองเพียงพอต่อการใช้งานในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการให้บริการในกิจการโทรทัศน์ในระบบภาพความละเอียดสูง (High Definition) ซึ่งต้องใช้ แบนด์วิธมากกว่าปกติถึง 3 เท่า ทั้งในส่วนของช่องโทรทัศน์ดิจิตอลภาคพื้นดินและช่องรายการอื่นๆ ในระบบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมบรอดคาสต์ของประเทศ
   
   
   
      'ขณะนี้มีประเทศที่ส่งเอกสารจองวงโคจรที่ 78.5 องศาตะวันออก (หรือใกล้เคียง) แล้วหลายประเทศ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย มาเลเซีย หากประเทศไทยดำเนินการไทยคม 8 ช้า ก็มีโอกาสที่ไทยจะถูกประเทศอื่นแย่งสิทธิการใช้งานไป'
   
       ส่วนกรณีหากอยากให้มีผู้ประกอบการรายใหม่นอกจากไทยคม กระทรวงไอซีทีและกสทช.ต้องช่วยกันทำให้กระบวนการต่างๆเป็นไปอย่างสะดวก ออกใบอนุญาตอย่างรวดเร็ว สนับสนุนให้มีการส่ง Filing จำนวนมากเพื่อประเทศจะได้มีวงโคจรเพิ่ม และมีดาวเทียมมากขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์กับป
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

KVYoung
Hero Member
*****
กระทู้: 8,279



อีเมล์
« ตอบ #7 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 05:38:38 pm »

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ไทยคมได้ประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรที่ 120 องศาตะวันออก จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไทยคม 7 จะให้บริการครอบคลุมเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปออสเตรเลีย โดยขณะนี้มียอดจองเต็มจำนวน 100% 

ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410163320


สำเร็จในการเอาทรัพย์สินของทุกคนในชาติ ไปให้คนต่างชาติใช้ด้วยครับ แลกกับผลประโยชน์ของคนไม่กี่คน
ถูกต้องนะคร๊าบบบ..
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ston12
Jr. Member
**
กระทู้: 127


อีเมล์
« ตอบ #8 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 07:25:28 pm »

ขอบคุณครับท่านไก่ ทำให้เห็นว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องยังทำเป็นไม่รู้สาเลย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
satellite home
Hero Member
*****
กระทู้: 1,201


อีเมล์
« ตอบ #9 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 07:49:36 pm »

ขอบคุณท่านไก่ ด้วยอีกคน ที่ทำให้พวกเราตาสว่าง Smiley
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
boyxd
Sr. Member
****
กระทู้: 280


อีเมล์
« ตอบ #10 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 08:20:38 pm »

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เคยแถลงข่าวช่อง HD ใช่หรือปล่าว แล้วก็เงียบไป มีไทยคม 7 แล้วอย่าลืมช่อง HD

http://www.thaidigitaltelevision.com/forum/index.php?topic=91.0

http://pantip.com/topic/32284539
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ คนนี้เคยอยู่ ibm ประเทศไทยนี่ครับ เมื่อ 20 กว่าปีก่อนน่ะ ใช่มั้ยครับ
ผมเคยไปพบครั้งนืงก็รู้สึกว่ามีวิสัยทัศน์ดีๆอยู่นะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
x-men
Hero Member
*****
กระทู้: 1,989


อีเมล์
« ตอบ #11 เมื่อ: 08, กันยายน 2014, 10:01:27 pm »

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เคยแถลงข่าวช่อง HD ใช่หรือปล่าว แล้วก็เงียบไป มีไทยคม 7 แล้วอย่าลืมช่อง HD

http://www.thaidigitaltelevision.com/forum/index.php?topic=91.0

http://pantip.com/topic/32284539
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ คนนี้เคยอยู่ ibm ประเทศไทยนี่ครับ เมื่อ 20 กว่าปีก่อนน่ะ ใช่มั้ยครับ
ผมเคยไปพบครั้งนืงก็รู้สึกว่ามีวิสัยทัศน์ดีๆอยู่นะครับ

ครับวิสัยทัศน์ดี แต่สิ่งประกาศออกมาแล้ว แต่ไม่ทำหรือทำไม่ได้ คงมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  
 
ติด Banner ด้านล่างติดต่อ boransat@gmail.com
กระทู้ ความคิดเห็น บทความ ข้อความใด ๆที่ได้อ่านในบอรดนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแล ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยและ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย ศิลธรรม กรุณาแจ้งมาที่ boransat@gmail.com เพื่อที่ทีมงานจะได้ดำเนินการต่อไป



เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.7 | SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.041 วินาที กับ 19 คำสั่ง