ที่ผมถาม คุณยังไม่ตอบเลย แต่ไม่เป็นไร เมื่อถามมาก็จะตอบให้ เฉพาะคำถามที่ตรงประเด็น
ข้อ 1 คุณถามว่า กสทช ใช้อำนาจตามกฏหมายอะไร คำตอบคือ กสทช ใช้อำนาจตาม
มาตรา 36 วรรคสอง แห่ง พรบ การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
พ.ศ. 2551 (นำมาจากคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด)
ข้อ 2 ถ้าสิ่งที่ทำในอดีต ยังคงเกิดประโยชน์สาธารณะอยู่ ก็สมควรทำต่อไป กฏ must have
ของ กสทช ก็ใช้หลักการนี้ และศาลปกครองสูงสุด ก็ได้วินิจฉัยแล้วว่า กฏนี้ ยังใช้บังคับได้ต่อไป
ส่วนที่คุณบอกว่า ประเทศไทยไม่ควรมีอินเตอร์เน็ต ผมมันคนล้าสมัย ก้าวไม่ทันความเจริญ
ของโลก จึงไม่กล้าวิจารณ์ความคิดที่ทันสมัยของคุณแบบนี้ ได้
ข้อ 3 เรื่อง คนกลาง อะไรนั่น ผมไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะ ผมไม่เคยโพสว่าผมรู้เรื่องนี้
ส่วนที่ผมขอให้คุณบอกชื่อ มาจากการโพสของคุณเอง ที่ใช้คำว่า มีเยอะแยะ เมื่อใช้คำนี้ได้ ผมก็
เลยคิดว่า คุณคงรู้จริง ไม่ใช่โพสแบบส่งเดชเรื่อยเปื่อยแน่นอน ก็เลยอยากรู้ว่าเป็นใครบ้าง
ข้อ 4 ข้อนี้ก็เช่นกัน ผมไม่ได้เป็นคนโฆษณาคงตอบไม่ได้ ทำไมไม่ไปถามคนที่โฆษณาล่ะ
จัดการให้หนักๆเลย อย่าช้า อย่าช้า เพราะคุณเป็นคนบอกเองว่า คนฉลาดเค้าไม่รอให้เกิดเรื่องหรอก
อย่างแรกที่คุณต้องรู้คือผมไม่ใช่คนที่คุณถามตั้งแต่แรกครับ ผมชื่อ ohmza คนที่คุณถามตั้งแต่แรกชื่อ sulaimann ถ้าคุณอยากได้คำตอบสิ่งที่คุณถามไป คุณก็ต้องไปเอาคำตอบจากคุณ sulaimann ไม่ใช่กับผม ผมแค่คนที่มาเห็นการโต้ตอบระหว่างคุณ TOP กับคุณ sulaimann แล้วเกิดสงสัยบางประเด็นจึงตั้งคำถามขึ้นมาครับ ทีหลังก่อนคุณตอบคำถามใคร กรุณาอ่านชื่อให้ดีด้วย ว่าเป็นคนเดียวกับที่คุณโต้ตอบไปก่อนหน้านี้หรือเปล่า
1. กสทช.ก็ใช้อำนาจตามมาตรานั้นแหละครับ ไปซื้อลิขสิทธิ์นั้นมาให้คนไทยดู ในครั้งถัดไป
2. ถ้าอย่างนั้นผมก็อ้างได้ว่า ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อยู่กับทรูวิชั่นส์ มาตั้งแต่ปี 2007 (ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ในอดีตเช่นกัน) ถ้าอย่างนั้นมันก็ควรอยู่กับทรูวิชั่นส์ต่อไป เพื่อผลประโยชน์ขอสาธารณะ ลูกค้าทรูวิชั่นส์ที่ติดทรูวิชั่นส์เพื่อดูบอลอย่างเดียว จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนกล่อง แบบนี้มันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะพอหรือเปล่า และมันควรทำหรือเปล่า มันถูกต้องหรือเปล่า
2.1 ที่คุณบอกว่า "ศาลปกครองสูงสุดก็ได้วินิจฉัยแล้วว่ากฏนี้ยังใช้บังคับได้ต่อไป" ผมอยากให้คุณนึกถึงตอนคดีโยกย้ายนายถวิลศาลปกครองตัดสินให้ยิ่งลักษณ์หลุดออกจากตำแหน่งหรือเปล่า แล้วศาลรัฐนูญตัดสินว่าอย่างไร อันนี้ก็เหมือนกันครับ ยังไม่มีใครไปร้องกับศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาว่า "กฎ Must Have ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่" และต้องเพิกถอนหรือไม่ เราเลยยังไม่ทราบได้ แต่ในอนาคตผมว่ามีแน่นอนครับ คุณ TOP คอยดูก็แล้วกัน
3. ผมก็ไม่เคยบอกว่าคุณรู้เรื่องคนกลางอะไรนั่น และดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจข้อ 3 ของผม ตรงบรรทัดท้ายๆ บวกกับคุณคิดว่าผมคือคุณ sulaimann ผมเลยอยากให้คุณไปอ่านใหม่อีกครั้ง เอ้า ผมใจดี quote มาให้คุณอ่านซ้ำทั้งหมดเลยก็แล้วกัน
3. ที่คุณบอกว่า "รบกวนบอกชื่อคนที่ฉลาดพร้อมทำงานเป็น กสทช. ชุดต่อไปมาให้ฟังได้หรือเปล่า" ผมก็ขอถามกลับไปว่า รบกวนคุณ TOP ช่วยบอกชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางและรายชื่อ ครม. ทั้งหมดที่ คสช. จะตั้งขึ้นมาให้ผมฟังได้หรือเปล่าครับ อีกสิ่งที่คุณควรรู้นะครับ "เหนือฟ้ายังมีฟ้าครับ" ถึงเราจะมองไม่เห็นแต่มันก็ยังมีครับ นั่นหมายความว่าตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่าใครที่พร้อมทำงานมากกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยสู้คนชาติอื่นไม่ได้คือ "ความรับผิดชอบครับ" ในเมื่อเราก็รู้ตัวอยู่ว่าเราทำงานได้ไม่ดี ทำงานได้ไม่เข้าเป้า เราก็ควรพิจารณาตนเองครับ เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่มีความพร้อมมากว่าเข้ามาทำงานครับ แต่จะเป็นใครนั้นคงต้องดูที่รัฐธรรมนูญว่ามีกระบวนการสรรหากันยังไงครับ
4. ข้อนี้ก็เช่นกัน ผมว่าคุณก็ยังไม่เข้าใจ ข้อ 4 ของผม บวกกับคุณคิดว่าผมคือคนเดียวกับคุณ sulaimann คุณเลยตอบไม่ตรงคำถามของผม ผมก็ใจดี quote มาให้คุณอ่านทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเช่นกันครับ
4. ตอนแรกก็มีการโฆษณาออกมาปาวๆว่า ถ้าจะดูบอลโลกครบ 64 แมตซ์แบบ SD ต้องซื้อกล่องบอลโลก ถ้าจะดูครบ 64 แมตซ์แบบ HD ต้องซื้อกล่องบอลโลกแบบ HD แล้วอยู่ๆมาบอกว่า ฟรีทีวีจะได้ถ่ายบอลโลกครบ 64 แมตซ์ ในวันสุดท้ายก่อนที่จะมีการแข่งขัน (ในวันที่เค้าซื้อกล่องบอลโลกและกล่อง PSI O2 HD กันมาทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว) แบบนี้เค้าไม่เรียกว่าเปลี่ยนกติกาหรือครับ และถ้ามันเป็นการเปลี่ยนกติกา ท่านคิดว่ามันยุติธรรมหรือเปล่า มันถูกต้องหรือเปล่า ควรทำหรือเปล่า แล้วไม่ต้องมาอ้างเรื่องมาตรการเยียวยานะครับ เพราะมาตรการเยียวยา RS เค้าจะให้เฉพาะคนที่มีของครบ (หมายรวมถึงกล่องด้วย) เท่านั้น บางคนที่ซื้อมาเค้าก็ไม่คิดหรอกว่าจะมีการหักหลังเล่นไม่ซื่อมาเปลี่ยนกติกากันแบบนี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครเค้าเก็บกล่องไว้หรอกครับ และกล่อง PSI O2 HD ก็ไม่มีมาตรการเยียวยาใดๆทั้งสิ้นครับ