ทีวีดาวเทียม'เมินลงทุนอ้างทีวีดิจิตอลไม่เกิน 10 ช่องขาเก๋า

วงการวิทยุและโทรทัศน์ฟันธงทีวีดิจิตอลคลอดได้เต็มที่ 10 ช่อง คาดราคาประมูลรวมไม่เกิน 15,000 ล้านบาท มั่นใจไต่ไม่ถึง 48 ช่อง เพราะช่องชุมชนกับสาธารณะ มีข้อจำกัดด้านงบจากรัฐและรายการที่ป้อนต้องมีสาระ ชี้ฟรีทีวีเดิมได้เปรียบสุด

เพราะมีโครงข่ายคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว กลุ่มทีวีดาวเทียมเมิน ลงทุน อ้างมีฐานลูกค้าทีวีดาวเทียมคลุมทั่วประเทศกว่า 10 ล้านครัวเรือน
แหล่งข่าวจากวงการทีวีดาวเทียมเปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้าในการประมูลคลื่นความถี่ทำทีวีดิจิตอลภาคพื้นดินว่า มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงที่จะมีผู้เล่นในทีวีดิจิตอลได้ไม่เกิน 10 ช่องเท่านั้น จากที่ใบอนุญาตทำกิจการบริการกระจายเสียงและโทรทัศน์จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)มีทั้งหมด 48 ช่อง แบ่งเป็นช่องธุรกิจ 24 ช่องที่ต้องผ่านการประมูลคลื่นความถี่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ปี2556 ช่องชุมชน 12 ช่อง และช่องสาธารณะ 12 ช่อง ซึ่ง 2 ช่องหลังนี้ไม่ต้องประมูล โดยช่องธุรกิจกลุ่มที่จะเข้ามาประมูลได้และมีความได้เปรียบสูงคือช่องฟรีทีวีเดิม 3,5,7,9,11 และช่องไทยพีบีเอส นอกจากนั้นก็น่าจะมาจากกลุ่มที่เป็นค่ายเพลง อย่างอาร์เอส และแกรมมี่ รวมถึงเวิร์คพอยท์ เป็นต้น
ทั้งนี้หากการประมูลคลื่นความถี่หรือประมูลช่องเป็นไปตามที่กสทช.ตั้งธงไว้ว่าจะประมูลที่ช่องละ 1,500 ล้านบาท โดยมีราคาเบื้องต้นอยู่ที่ 500 ล้านบาท ถ้ามีผู้ประมูลทั้งหมด 10 ช่อง ก็คาดว่าจะมีมูลค่าการประมูลครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 15,000 ล้านบาท โดยผู้ประมูลคลื่นได้ จะมีสัญญาคลื่นเป็นระยะเวลา 15 ปี โดยจ่ายค่าเช่าให้กสทช. ปีละ 100 ล้านบาท/ปี/ช่อง
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้กสทช.มองว่าจะมีทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นเต็มที่ไม่เกิน 36 ช่อง เป็นมูลค่าการประมูลรวมราว 54,000 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะในซีกของทีวีดาวเทียมเชื่อว่าไม่มีใครสนใจจะลงทุนทำทีวีดิจิตอล เนื่องจากขณะนี้เฉพาะทีวีดาวเทียมก็มีฐานลูกค้าทั่วประเทศอยู่แล้วกว่า 10 ล้านครัวเรือน โดยผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมเสียค่าเช่าความถี่จากไทยคมประมาณ 1.2-1.5 ล้านบาท/เดือนเท่านั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปลงทุนทำทีวีดิจิตอลอีก
"มองว่าช่องฟรีทีวีปัจจุบันที่น่าจะได้เปรียบที่สุดในการทำทีวีดิจิตอลคือช่อง3และช่อง7 เพราะเป็นภาคเอกชน ขณะที่ไทยพีบีเอส เป็นช่องทีวีสาธารณะ ที่มีอยู่แล้วและมีโครงข่ายครอบคลุมทั่วประเทศได้มากกว่า"
สอดคล้องกับที่นายเกษม อินทร์แก้ว ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทยและอดีตประธานสมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ทีวีดิจิตอลภาคพื้นดินที่กสทช.ผลักดันให้เกิดขึ้นในปี2556 นั้น จะเกิดขึ้นได้ได้ราง 10- 24 ช่องเท่านั้น จากที่จัดสรรไว้ 48 ช่อง และมองว่าคนที่จะมาทำช่องทีวีสาธารณะหรือช่องชุมชนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายในแง่การจัดสรรงบประมาณมาจากภาครัฐ ที่จะต้องตรวจสอบคอนเทนต์(ช่องรายการ)ว่ามีเนื้อหา สาระที่ตรงกับเป้าหมายกลุ่มผู้ชมหรือไม่ โดยเฉพาะรายการที่ป้อนให้กับเด็กดู และต้องดูว่าคุ้มกับการลงทุนหรือไม่ ส่วนช่องธุรกิจ 24 ช่องก็จะต้องมีการประมูลเป็นเฟสๆไป
ทั้งนี้ในช่องธุรกิจที่มี 24 ช่อง กลุ่มที่ได้เปรียบที่สุดจะเป็นช่องฟรีทีวี 3,5,7,9 เพราะมีโครงข่ายกับระบบออกอากาศหรือสถานีส่งเดิมอยู่แล้วทั่วประเทศ ที่จะสามารถปรับระบบเป็นทีวีดิจิตอลได้ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ออกอากาศที่ห้องส่งอย่างเดียว แต่จะเกี่ยวกับโครงข่ายโดยตรง ดังนั้นต้นทุนรวมในการลงทุนทำทีวีดิจิตอลจะถูกกว่า เพราะลงทุนเพียงแค่เสนอราคาประมูลคลื่นความถี่หรือประมูลช่องเท่านั้น
"แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องไปดูว่าช่องรายการประเภทไหนที่สามารถตอบโจทย์ผู้ชมได้ทั่วประเทศ และตรงเป้าที่สุด"
สำหรับขั้นตอนการก้าวไปสู่ทีวีดิจิตอลหลังจากนี้ไปจะเริ่มจากที่มีการประมูลคลื่นความถี่จากกสทช.ก่อนภายในปี 2556 โดยให้สัญญาคลื่น 15 ปี ถัดมาก็จะเป็นการเช่าโครงข่าย ซึ่งคนที่มีโครงข่ายเดิมอยู่แล้วก็จะได้เปรียบ หลังจากนั้นเมื่อผู้ประมูลคลื่นได้ความถี่แล้ว ก็จะไปวางแผนธุรกิจ เช่นวางแผนผลิตรายการ ดูเรื่องรายรับรายจ่าย และโดยเฉพาะดูประเภทคอนเทนต์ที่น่าสนใจเพื่อดึงโฆษณาเข้ามาได้ และต้องจับตาดูมูลค่าโฆษณา 60,000 ล้านบาทที่กระจุกตัวอยู่ในช่อง 3,5,7,9 จะกระจายไปยังทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวีและกลุ่มทีวีดิจิตอลทั้งที่เป็นกลุ่มฟรีทีวีเดิมและกลุ่มใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น
อย่างไรก็ตามล่าสุด นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ว่าบริษัทจะยังไม่เข้าร่วมประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิตอลในปีหน้า แม้ว่าก่อนหน้านี้เคยให้ความสนใจ แต่เมื่อทำการศึกษาแล้วพบว่า หากเข้าลงทุนธุรกิจทีวีดิจิตอลก็มีโอกาสขาดทุนสูง เพราะคาดว่าฐานผู้ชมเติบโตปีละประมาณ 1.5% เท่านั้น แต่จะมีผู้ผลิตจำนวนมากกว่าการเติบโตของฐานผู้ชม จึงเห็นว่าควรรอดูตลาดก่อน
อนึ่งก่อนหน้านี้พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) กล่าวว่าการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่และประกอบกิจการใหม่ ที่กสทช.ออกประกาศ มีใบอนุญาตทั้งหมด 4 ประเภทในด้านกระจายเสียงและโทรทัศน์ ประกอบด้วย 1.ใบอนุญาตโครงสร้างพื้นฐาน (เสาส่งสัญญาณ) ที่กำหนดรายละเอียดออกมาแล้วและกำลังจะไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยใบอนุญาตนี้ไม่จำกัดว่าจะต้องมีกี่ราย และไม่ต้องประมูล
2.ใบอนุญาตบริการโครงข่ายในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ที่กสทช.จะออกใบอนุญาต กลางปี 2556 3.ใบอนุญาตทำกิจการบริการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ที่จะประกอบไปด้วย 48 ช่อง แบ่งเป็นช่องบริการชุมชน 12 ช่องและช่องสาธารณะ 12ช่องและช่องธุรกิจ 24 ช่อง และ4. ใบอนุญาตบริการโปรแกรมประยุกต์หรือที่เรียกว่าใบอนุญาตทำบริการเสริมบนโครงข่ายดิจิตอลทีวี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,785 วันที่ 21-24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

	ชื่อ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน 14, พฤษภาคม 2024, 04:58:38 am

ข่าว: :: ต้องการประชาสัมพันธ์สินค้าติดต่อ boransat@gmail.com ::