HD
Special Member
กระทู้: 1,538
|
|
« เมื่อ: 29, มีนาคม 2012, 12:51:17 pm » |
|
จากกรุงเทพธุรกิจ
ศึกชิงลิขสิทธิ์ "พรีเมียร์ลีก อังกฤษ" 3 ฤดูกาลใหม่เดือด คอนเทนท์ โปรวายเดอร์ไทยแห่ประมูล ค่ายยักษ์ต่างประเทศจ่อร่วมวง "ทรูวิชั่นส์"ประกาศความพร้อมดึงเครือซีพีลงขัน ต่อยอดธุรกิจสร้างรายได้ มั่นใจครองลิขสิทธิ์ต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเงิน 2-3 พันล้าน สู้ศึก ขณะที่ คู่ชิงอย่าง "อาร์เอส-แกรมมี่" ปั้นธุรกิจรูปแบบใหม่ เล็งตลาดแมส เก็บรายเดือนราคาถูก
การเปิดเสรีแพลตฟอร์มแพร่ ภาพช่องรายการใหม่ๆ อย่างไม่จำกัดผ่านระบบเคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม ไอพีทีวี ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดช่องรายการประเภทต่างๆ กว่า 200 ช่อง และนโยบายการเปลี่ยนระบบส่งสัญญาณโทรทัศน์ในประเทศไทยสู่ "ทีวีดิจิทัล" ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะเริ่มปีนี้ โดยเปิดช่องทีวีดิจิทัล รวม 100 ช่อง ทำให้เกิดการแข่งขันชิง "คอนเทนท์" รุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มกีฬาทั้ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ยูฟ่าแชมเปียนลีก, ลาลีกา สเปน, บุนเดสลีกา เยอรมนี, และ กัลโช ซีเรีย อาร์ อิตาลี ที่คนไทยนิยมและพร้อมจ่ายเงินซื้อแพ็คเกจรูปแบบ "เพย์ทีวี" โดยเฉพาะ "พรีเมียร์ลีก อังกฤษ" ที่จะประมูลลิขสิทธิ์รอบใหม่ 3 ปี (2013/14, 2014/15 และ 2015/16) ที่จะเกิดขึ้นช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
นายอรรถพล ณ บางช้าง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายรายการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่าการประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก คาดจะอยู่ช่วงเดือนก.ย. นี้ โดยทรูวิชั่นส์ยังครอบครองลิขสิทธิ์ฤดูกาลปัจจุบัน (2012/13) อีก 1 ปี ยอมรับว่าสถานการณ์การแข่งขันปัจจุบันมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นกว่าทุกๆ รอบ ซึ่งได้ประกาศตัวออกมาแล้วทั้ง แกรมมี่, อาร์เอส เชื่อว่าอาจจะมีรายอื่นๆ อีก
นอกจากนี้ ยังมีคู่แข่งขันจากต่างประเทศสนใจเข้าประมูล เพื่อขายสิทธิ์ต่อให้กับผู้ประกอบการไทย ไม่ว่าจะเป็น MP& Silva จากอิตาลี ปัจจุบันประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกถ่ายทอดในเวียดนาม, Sport 5 และ ESS (ESPN) เป็นต้น
"การประมูลลิขสิทธิ์กีฬาระดับโลก ทุกคนสามารถเข้าร่วมประมูลได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร การเสนอตัวเลขแต่ละครั้ง ใส่เงินไปเท่าไร ราคาประมูลจะวิ่งไป เหมือนการพนันที่ผู้เล่นอาจแพ้และชนะได้โดยไม่รู้ตัว มีความเป็นไปได้ว่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกรอบใหม่ อาจจะถูกแย่งชิงด้วยราคาที่สูงเท่าตัว เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นที่ ฮ่องกงและสิงคโปร์" นายอรรถพล
ทั้งนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการทั้งคนไทยและ ต่างประเทศ จะมีกลยุทธ์การประมูลเสนอราคาที่สมเหตุสมผล เพราะพรีเมียร์ลีก มีเวลาบริหารลิขสิทธิ์รอบละ 3 ปี การทำงานต้องเห็นรายได้และกำไรในช่วงเวลา สั้นๆ เท่านั้น หากซื้อมาราคาแพงขายต่อให้คนไทย เชื่อว่าจะไม่มีใครสนใจซื้อ ส่วนต่างชาติที่ประมูลได้อัตราสูงอาจถึงขั้นเสียหายทางธุรกิจได้
"ทรูวิชั่นส์จะสู้ให้ได้ลิขสิทธิ์ เพราะเราต้องการรักษาความสุขไว้ให้ลูกค้า ที่เคยได้ดูรายการที่ชื่นชอบทางทรูวิชั่นส์ แต่ความจริงในโลก ต้องยอมรับให้ได้เช่นกันว่าสมบัติที่ครอบครองอยู่ก็ไม่จีรังยั่งยืน"
ดึงเครือซีพีลงขันชิงพรีเมียร์ฯ
นายอรรถพล กล่าวว่าประสบการณ์การประมูลพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา มีคู่แข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มต่างประเทศที่มีเงินทุนมาก แต่ยังเชื่อมั่นในความสามารถกลุ่มทรูฯ และเครือซีพี ไม่ได้แค่เพียงธุรกิจเพย์ทีวีอย่างเดียว หากทุกกลุ่มเห็นศักยภาพลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกว่าสามารถต่อยอดคอนเทนท์หาราย ได้ได้ อาจร่วมลงขันประมูลกับทรูวิชั่นส์ โดยอาจจะตัดค่าการตลาด โฆษณาและประชาสัมพันธ์ ของแต่ละบริษัท เพื่อนำมาลงทุนร่วมกันในนามกลุ่มซีพี
"เม็ดเงินเบื้องต้นในการประมูล คุณศุภชัย เจียรวนนท์ บอกว่าได้เตรียมไว้ 2-3 พันล้านบาท อาจจะมากกว่านี้ หากเครือซีพี และทรูฯ มีแผนต่อยอดคอนเทนท์ ไปยังธุรกิจอื่นๆ" นายอรรถพล กล่าว
"ศุภชัย"ลั่นพร้อมร่วมเข้าแข่งขัน
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าทรูวิชั่นส์ มีความพร้อมในการเข้าแข่งขัน ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชมคอนเทนท์ในช่องทรูฯ" ทรูวิชั่นส์ยังเหลือเวลาถ่ายทอดอีก 1 ปี คือในฤดูกาล 2012/13 แต่กลางปีนี้จะมีการประมูลลิขสิทธิ์ใหม่อีก 3 ฤดูกาลใหม่ด้วย ซึ่งคิดเป็นต้นทุนเฉลี่ย 6-7% ของการดำเนินงานทรูวิชั่นส์ ถือว่าไม่สูงนักและทรูฯ มั่นใจพร้อมประมูลกว่าทุกราย" นายศุภชัย กล่าว
หากพิจารณาความพร้อมของกลุ่มทรูฯ ผ่านผลประกอบการปี 2554 พบว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น มีรายได้จากการให้บริการโดยรวม 5.68 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน โดยทรูวิชั่นส์มีรายได้จากการให้บริการ 9.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากปีที่ผ่านมา
ย้ำพรีเมียร์ลีกต้อง"พรีเมียม"
นายอรรถพล กล่าวว่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ อยู่กับทรูวิชั่นส์ มาตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจเคเบิลทีวีในยุคที่ยังเป็น "ยูบีซี" กว่า 20 ปี ปัจจุบันมีฐานลูกค้า มีรายได้แน่นอนจากฐานสมาชิกลูกค้าที่ชื่นชอบฟุตบอล ในแพ็คเกจพรีเมียมโกลด์และแพลทินัมประมาณ 4 แสนราย การประมูลพรีเมียร์ลีกรอบใหม่ จึงมีรูปแบบธุรกิจและการหารายได้ชัดเจน แต่จะได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งนี้คอนเทนท์กีฬาที่มีราคาแพง ทิศทางการบริหารของผู้ประกอบการเพย์ทีวีทั่วโลกรวมทั้งทรูวิชั่นส์ จึงมุ่งมาที่ตลาดพรีเมียม เพื่อให้เป็นแหล่งรายได้หลักจากค่าสมาชิกรายได้เดือน โดยทรูจะนำเสนอจุดแข็งการรับชมที่มีคุณภาพสูงในระบบ HD ที่ใช้งบ 2 พันล้านบาท ในการเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณระบบเอชดี ให้ลูกค้ากลุ่มพรีเมียมในแพ็คเกจซิลเวอร์, โกลด์ และ แพลทินัม จำนวน 5 แสนรายได้ภายในเดือนต.ค. นี้
เปิดแผนเจาะแมส"อาร์เอส-แกรมมี่"
นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าสาเหตุที่มีผู้สนใจลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมเพย์ทีวี ซึ่งอดีตธุรกิจนี้อยู่ในระบบผูกขาด การดำเนินธุรกิจจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มเป็นของตนเอง และการวางเน็ตเวิร์คใช้เงินลงทุนสูง ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ เข้าสู่ธุรกิจลำบากเพราะต้องใช้เวลาสร้างฐานสมาชิกให้ได้ในระดับที่เพียงพอ ต่อการลงทุนในการซื้อคอนเทนท์ระดับโลกได้ และอาจต้องเผชิญภาวะขาดทุนไปหลายปี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ตลาดทั่วโลก
ปัจจุบัน ตลาดไทยมีการพัฒนาการที่แตกต่างจากทุกประเทศในโลก คือ กว่า 50% ของครัวเรือนไทยทั่วประเทศมีกล่องรับสัญญาณ (Set Top Box) ทำให้การเข้าสู่ธุรกิจเพย์ทีวี ไม่จำเป็นต้องมีการสร้างเน็ตเวิร์คใหม่ เพียงแค่นำเสนอคอนเทนท์ที่ดี ที่ลูกค้าพร้อมจ่ายเงิน แล้วสร้างโมเดลธุรกิจเพย์ทีวีในนิยามใหม่ ไม่ต้องบังคับซื้อทั้งแพลตฟอร์ม แต่ซื้อเฉพาะคอนเทนท์ที่ลูกค้าต้องการ และพรีเมียร์ลีกถือเป็นคอนเทนท์กีฬาอันดับหนึ่งของโลก มีมูลค่า สามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ประมูลได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการขายสมาชิกหรือผลักดันการสร้างฐานแพลตฟอร์มใหม่ๆ
สำหรับแนวคิดในการบริหารลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษของอาร์เอส มีเป้าหมายนำคอนเทนท์ฟุตบอลไปหาลูกค้าในวงกว้างให้ได้มากที่สุด โดยจะทำให้ราคาเป็นมิตรที่สุด รวมทั้งช่องทางการจ่ายเงินสะดวกที่สุด
นางพรพรรณ กล่าวว่าการประมูลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ราคาลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นทุกรอบ โดยอาร์เอสเองไม่จำเป็นต้องได้ลิขสิทธิ์นี้มาเพื่อรักษาธุรกิจเดิม หรือเพื่อผลักดันธุรกิจใหม่ให้อยู่รอดได้ แต่มองเห็นโอกาสที่จะนำคอนเทนท์กีฬา ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลกไปสู่แฟนบอลที่มีอยู่แล้วในราคาเป็นมิตรและ สะดวกที่สุด
"แนวคิดของเราเพียงเสนอราคาที่คิดว่าทำ ธุรกิจได้สมเหตุสมผล ไม่จำเป็นต้องทุ่มทุนเพื่อให้ได้มา การได้หรือไม่ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก แทบไม่มีผลอะไรกับอาร์เอส คือได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร" นางพรพรรณ กล่าว
แกรมมี่รับสนใจลิขสิทธิ์พรีเมียร์
ขณะที่ นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตั้งแต่เปิดแพลตฟอร์ม "จีเอ็มเอ็ม แซท" (วันสกาย) เดือนพ.ย. ที่ผ่านมาได้ใช้งบประมาณการซื้อลิขสิทธิ์ประเภทต่างๆ รวมทั้งกีฬา ไปแล้ว 1 พันล้านบาท ปัจจุบันเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ บุนเดสลีกา เยอรมัน,แชมเปียนชิพ (ดิวิชั่น1) อังกฤษ อีกหลายรายการ สามารถรับชมในรูปแบบเพย์ทีวี แพ็คเกจ "จีเอ็มเอ็ม สปอร์ต" 6 ช่องกีฬา เก็บค่าสมาชิกเดือนละ 350 บาท
ทั้งนี้ ยังมีความสนใจลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก เพราะเป็นลีกที่คนไทยให้ความสนใจสูงสุด ได้เตรียมงบไว้ 2-3 พันล้านบาท เพราะเป็นการประมูลที่มีการแข่งขันสูง "เราไม่ซีเรียสกับการได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เพราะคอนเทนท์กีฬาดีๆ แกรมมี่มีอยู่พอสมควรแล้ว" นายไพบูลย์ กล่าว
จากข้อมูลที่แกรมมี่นำเสนอผ่านสื่อ ถึงแนวคิดการบริหารลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือ การมุ่งขยายตลาดแมส ด้วยเป้าหมาย 2 ล้านสมาชิก เก็บค่ารับชมรายเดือนไม่เกิน 300 บาท เพื่อเสนอทางเลือกใหม่ในการดูคอนเทนท์กีฬาระดับโลก
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
rugmuangthai
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 29, มีนาคม 2012, 08:57:37 pm » |
|
ผมเองก้อเชียร์แกรมมี่ครับ เพราะไม่ว่าอย่างไรคนดูก้อต้องจ่าย เพียงแต่อยากดูว่าถ้าทรูฯ ไม่ได้เค้าจะทำอย่างไรกับลูกค้าพวกโกล์ดกับแพลตินั่ม หุหุหุ เหมือนกับตอนนี้ที่ช่อง ASN ก้อไปแล้วหนึ่งช่อง ถ้าบอลไปอีกผมว่าลูกค้าหายไปเยอะแน่ ๆ
แล้วถ้าสองเจ้านี้เค้าฮั้วกันล่ะครับ คนดูก้อตายแน่ ๆ อย่าลืมว่าพ่อค้าย่อมนึกถึงแต่ผลกำไร ไม่ได้นึกถึงลูกค้าหรอก
|
|
|
|
|
|
|
taxx
Newbie
กระทู้: 31
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 31, มีนาคม 2012, 03:51:12 am » |
|
ขอให้ทรูสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด แพงยอมจ่าย เพราะเข้าใจว่าแพงเพราะอะไรกว่าจะได้สิทธิ์ในการถ่ายมันแสนแพง และยากลำบาก
เวียตนามมี EPL แทบทุกรายการการแข่งขัน รวมทั้งลีกส์อื่นๆ อีกมากมาย ค่าสมาชิกทั้งปีแค่ 4-5 พันบาท ซึ่งผิดกับของเรามาก คงไม่ต้องหาเหตุผลมาแก้ต่างกันมากนัก เอาเป็นว่าถ้าคุณยอมจ่ายก็จ่ายกันต่อไป ส่วนใครที่เห็นว่าจ่ายแล้วไม่คุ้มค่า ก็เลิกลากันไป หาเจ้าอื่นต่อไป การดูกีฬา คนพากษ์ไม่ได้เรื่องกับฟังไม่รู้เรื่อง บางทีขอแบบฟังไม่รู้เรื่องจะดีกว่า เพราะไม่ต้องทนความงี่เง่าของพวกชอบพากษ์อวดเก่ง ส่วนตัวดีใจที่เริ่มมีคู่แข่งเข้ามามีบทบาทในวงการเคเบิ้ลมากขึ้น เพื่อให้สมกับคำที่ชอบอ้างว่าไม่ได้ผูกขาด แต่เสียใจที่ โดยคำนึงถึงส่วนรวมแล้วเราต้องเสียเงินตราต่างประเทศมากเกินความจำเป็น เพราะพวกเห็นแก่ตัวใช้เงินเป็นเครื่องมือของการผูกขาดเพื่อผลประโยชน์กลับเข้ากระเป๋าตัวเอง อย่าไปหลงลมว่านั่นคือการทำเพื่อท่านสมาชิก เดาะเรียกว่าท่านสมาชิกเลยแหละ.. เศร้า.. เห็นด้วยกับคุณdpongsree ทุกประการครับ
|
|
|
|
qa19122
Jr. Member
กระทู้: 114
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 31, มีนาคม 2012, 04:08:32 pm » |
|
ใครได้ไปแล้วเก็บแพงๆ เดี๋ยวคนเรามันก็ลักลอบ ขโมยดูจนได้แหละ ถ้าไม่ได้ก็ดูในเน็ท หรือ www.livescore.com แทน ฮิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
|
|
|
|