ช่อง 3 ยื่นหนังสือถาม กสท.ออกอากาศคู่ขนาน
ช่อง 3 ยื่นหนังสือสอบถาม กสท. ขอออกอากาศคู่ขนานระบบอนาล็อกและทีวีดิจิตอลได้หรือไม่ ก่อน กสท. พิจารณาอีกครั้งวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) ด้าน กสทช. ประชุมนัดพิเศษ 30 กันยายนนี้ คาดจะมีทางออกที่ดี
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ หรือ ช่อง 3 ยื่นหนังสือต่อ พันเอกนที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. เพื่อขอให้พิจารณาข้อกฎหมาย และทบทวน 2 เรื่อง คือ พิจารณาว่าช่อง 3 ออกคู่ขนานได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นคนละนิติบุคคล และขอทบทวนการยุติการออกอากาศช่อง 3 บนโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล ในวันที่ 30 กันยายนนี้
โดยขอให้ กสท. พิจารณาก่อนเกิดปัญหาจอดำ และไม่ได้เรียกร้องการเยียวยา เพราะเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ส่วนการยื่นฟ้องต่อศาลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ กสท. ทั้งนี้ หลังช่อง 3 ยื่นหนังสือ คณะกรรมการ กสท.ได้หารือกันต่อ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
โดยกรรมการ กสท. ขอให้ช่อง 3 ทำหนังสือสอบถามจากบริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย ที่ได้รับใบอนุญาตทีวีดิจิตอล เนื่องจากการทำหนังสือวันนี้ (25 ก.ย.) เป็นของบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โดยจะหารือในที่ประชุม กสท.นัดพิเศษ วันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) เวลา 16 นาฬิกา และเชื่อว่าจะยุติได้ โดยไม่นำเข้าที่ประชุม กสทช.
ด้านประธาน กสท. ระบุ หากช่อง 3 ส่งหนังสือกลับมาแล้ว จะพิจารณาการแก้ไขประกาศ มาตรา 9 ตาม พ.ร.บ.กิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 เรื่องหลักเกณฑ์การแบ่งเวลาให้ผู้อื่นดำเนินรายการแทน จากเดิมสามารถแบ่งเวลาให้ผู้อื่นได้ 40% หรือเป็นทั้งหมด 100% แทน และระหว่างการพิจารณาแก้กฎหมายมาตรา 9 นี้ อาจขยายเวลาการระงับการออกอากาศช่อง 3 อนาล็อก ออกไปอีก 15-30 วัน
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า พลอากาศเอก ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. เรียกประชุมคณะกรรมการ กสทช. วาระพิเศษในวันที่ 30 กันยายนนี้ เวลา 9.30 น. เพื่อพิจารณากรณีช่อง 3 อนาล็อก หลังจากที่อนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย ส่งผลการพิจารณาให้ความเห็นมาในวันที่ 29 กันยายน และจะมีหนังสือแจ้งไปยังกรรมการ กสทช. ทุกคนเพื่อเข้าร่วมการประชุม
โดยกรณีของช่อง 3 น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งประธาน กสทช.เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องพิจารณา จึงได้กำหนดนัดประชุมวาระพิเศษครั้งนี้ขึ้น
***
http://shows.voicetv.co.th/voice-news/118851.html