“ทีวีดาวเทียม”สมรภูมิชิงดำ แกรมมี่VSอาร์เอส ใครดี-ใครได้

[platogether]

  “ทีวีดาวเทียม”สมรภูมิชิงดำ แกรมมี่VSอาร์เอส ใครดี-ใครได้
 
 2 ค่ายยักษ์ “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ VS อาร์เอสฯ”กับ กลยุทธ์สร้างรายได้ในธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ในปี 2012โดยมีสนามรบธุรกิจสื่อ โดยเฉพาะ “ทีวีดาวเทียม”สื่อฮอตแห่งปีเป็นสมรภูมิพิสูจน์กึ๋น ใครดี-ใครอยู่ และช่วงชิงลูกค้ากันอย่างดุเดือด ค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่กับความหวังช่องทีวี 6 ช่องกับธุรกิจใหม่โฮมช็อปปิ้ง ขณะที่ค่ายอาร์เอส มาพร้อมแหล่งทำเงินใหม่ ธุรกิจ PAY TV ช่องฟุตบอลลาลีกาสเปน
       
       สำหรับค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ในไตรมาสแรกของปีนี้ บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กลุ่มธุรกิจมีเดียจะสร้างรายได้ให้บริษัทเช่นเดียวกับช่วงเดียวกันของปี 2554 โดยมีกลุ่มธุรกิจทีวีดาวเทียม สร้างรายได้มากที่สุด คือ 553 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 มีอัตราเติบโตสูงถึง 25เปอร์เซ็นต์เทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อน ( 2553) โดยเฉพาะรายได้ที่มาจาก 6 ช่องธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมระบบ Free to air ออกอากาศ 24 ชั่วโมง
       
       ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 ช่อง ได้แก่ ช่องแรก-Fan TV สถานีเพลงลูกทุ่ง ได้เริ่มออกอากาศในเดือนตุลาคม 2551 ช่องสอง- Bang Channel สถานีที่เน้นรายการเกี่ยวกับวัยรุ่น ได้เริ่มออกอากาศในเดือน มกราคม 2552ช่องสาม- Green Channel สถานีที่นำเสนอเพลงเก่า และเพลงร่วมสมัย รวมถึงรายการเกี่ยวกับกิจกรรมคลื่นวิทยุ ได้เริ่มออกอากาศในเดือนกุมภาพันธ์ 2552
       
       ช่องสี่-Acts Channel สถานีที่นำเสนอละครเก่า ละครใหม่ ละครเวที และภาพยนตร์ได้เริ่มออกอากาศในเดือนเมษายน 2552 ช่องห้า-Money Channel สถานีที่รายงานข่าว เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน รวมถึงรายการสาระบันเทิงด้านการบริหารเงิน เริ่มออกอากาศเดือนตุลาคม 2552 และช่องหก- Saranair Channel สถานีที่นำเสนอรายการสาระบันเทิง ประเภทวาไรตี้ตลก โดยทุกช่องขณะนี้ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว
       
       อย่างไรก็ตามในปีนี้ จีเอ็มแกรมมี่มีแผนเพิ่มช่องทีวีดาวเทียมอีก 3 ช่องในปี 2555 นี้ โดย 2 ใน 3 ช่องมีช่องไลฟ์สไตล์และช่องข่าว โดยในปีแรกทั้งสามช่องจำเป็นต้องมีการลงทุน ดังนั้นจึงต้องใช้เม็ดเงินและใช้เวลาในการคุ้มทุนอีกระยะหนึ่ง

       ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายกล่องรับสัญญาณดาวเทียมวันสกาย คาดว่า จะยังคงขาดทุนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยผู้บริหารปรับเป้ายอดขายกล่องรับสัญญาณธุรกิจวันสกายในไตรมาส 4 ของปี 2554 ลดลงจากเดิม 5 แสนกล่องมาอยู่ที่ 1.44แสนกล่อง แต่ยังคงเป้ายอดขายกล่องรับสัญญาณปี 2555ที่ 1.5 ล้านกล่องไว้เท่าเดิม
       
       “เราคิดว่าเป้าหมายปี 2555 สูงเกินจริงภายใต้ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียม ดังนั้นคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจเคเบิ้ลบอกรับสมาชิกมีแนวโน้มลดลงในระยะยาวและประเมินว่าธุรกิจวันสกายจะยังคงผลขาดทุนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และเนื่องจากความไม่แน่นอนสูงสำหรับการทำประมาณการผลการดำเนินงานของธุรกิจวันสกาย จึงยังคงไม่คำนวณธุรกิจวันสกายเข้าไปในประมาณการ”นักวิเคราะห์จากบริษัท บัวหลวง ซิเคียวริตี้ วิเคราะห์
       
       สำหรับธุรกิจใหม่โฮมช็อปปิ้ง คาดว่าเริ่มให้บริการกลางปีนี้หรือประมาณเดือนมิถุนายน โดยปีที่ผ่านมาบริษัท ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน CJ O Shopping Co Ltd กับบริษัทในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อให้บริการธุรกิจโฮมช็อปปิ้งผ่านหลายช่องทางของสื่อมีเดีย รวมถึงเป็นศูนย์แพร่กระจายสินค้าและเป็นคอลเซ็นเตอร์ด้วย โดยเบื้องต้นว่าธุรกิจใหม่นี้มีแนวโน้มถึงจุดคุ้มทุนในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
       
       RSยังเน้นทีวีดาวเทียม  ทางด้านค่ายอาร์เอสฯในปีนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจแซทเทิลไลท์ทีวี หรือทีวีดาวเทียม อีกทั้งยังเชื่อว่าเม็ดเงินโฆษณาที่ใช้จ่ายผ่านสื่อทีวีดาวเทียมจะเติบโตอย่างน้อยปีละ 30เปอร์เซ็นต์ไปอีก 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย และเตรียมเปิดตัวช่องโทรทัศน์น้องใหม่ที่มาเอาใจคอฟุตบอลอีก 1 ช่องในปีหน้า เนื่องจาก จากการเติบโตของตลาดการขายจานและกล่องรับสัญญาณที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปีนี้
       
       ส่วนธุรกิจที่น่าทำรายได้และเป็นไฮไลต์ กำหนดมีการเปิดตัวในปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจ PAY TV ช่อง ฟุตบอลลาลีกาสเปน (บริษัทได้ลิขสิทธิ์บอลลาลีกาสเปน 3 ฤดูกาล 2012/13 - 2014/15) เป็นลีกฟุตบอลต่างประเทศที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 รองจากพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ มีกำหนดเตะในช่วงเดือน ส.ค.-พ.ค.ของทุกปี ผู้บริการเปิดเผยว่าบริษัทจะมีรูปแบบในการหารายได้จาก 3 ช่องทาง คือ (1) ค่าบริการรายเดือน (2) ขายเป็น Package ร่วมกับพันธมิตรที่ทำธุรกิจขายจานดาวเทียม และ (3) รายได้จากสปอนเซอร์ โดยจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการภายในเดือน ม.ค. 55
       
       “เบื้องต้น เราประเมินว่าธุรกิจนี้จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทในปี 2555 ได้ราว 200-300 ล้านบาท และมีผลขาดทุนประมาณ 3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 เราคาดว่าธุรกิจนี้จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทราว 600 ล้านบาท และมีกำไรได้ราว 50 ล้านบาททั้งนี้ เราประมาณการจำนวนสมาชิกในปี 2555 และ 2556 เท่ากับ 1 แสนรายและ 2.75 แสนราย ตามลำดับ (อิงจากสถิติของTRUE Vision ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้นราว 1.7 ล้านราย ขณะที่เป็น Package ที่สามารถชมพรีเมียร์ลีกได้ราว 8.7 แสนราย)”
         ธุรกิจสื่อและคอนเทนต์ พลิกฟื้นเร็ว
       
       ผู้บริหารคนเดิม ระบุด้วยอีกว่า จากเดิมที่เคยประเมินไว้ว่า ภาพรวมธุรกิจจะซบเซาตั้งแต่ปลายปี 2554 ต่อเนื่องจนถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ด้วยความตื่นตัวของลูกค้าในการกลับมาวางแผนการตลาดและสื่อโฆษณากันมากขึ้น จึงส่งผลให้ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ น่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน แต่คงต้องรอดูช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ก่อน ส่วนไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ แต่ครึ่งปีหลังอาจจะดีดตัวจนกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง”
       
       สำหรับธุรกิจสื่อและคอนเทนต์ในปีนี้ มีโอกาสเติบโตมากและอาจจะมีความแตกต่างออกไปจากเดิม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอาจทำให้เกิดสื่อรูปแบบใหม่ๆ โดยคาดว่าน่าจะมีโอกาสเติบโตสูงมาก แบบก้าวกระโดดไม่ว่าจะเป็นทีวีดาวเทียมหรือสื่อออนไลน์ประเภทต่างๆ ถือเป็นช่องทางใหม่ที่เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ทำให้คอนเทนต์จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นอีก เพราะผู้ที่ครอบครองคอนเทนต์ที่ดีและมีศักยภาพ ก็จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ไม่ยาก
    เครดิตhttp://www.manager.co.th/mgrweekly/ViewNews.aspx?NewsID=9550000005477

[THEONLYONE]

สุดยอด ..อบ่างนี้สิ.. ถึงมาเล่าสู่กันฟัง

[veerasak2514]

มาเก็บความรู้ใหม่ๆ
ขอบคุณครับ

[bassboss]

ขอบคุณครับ

[ชัดเจน]

ขอบคุณครับ

[satduo]

เอ แล้วพีเอสไอกับ ipm Dtv หายไปไหน

[ice]

ขอบคุณครับ

[หมวดจ้อง]

ได้ทั้งคู่ล่ะครับ ไม่แพ้กัน   รับกันเต็มๆ
โหลดกันจัง