แจ้งข่าวอัพเดตเล็กน้อยจ้ะ "บีอิน" สอยสิทธิ์ถ่ายทอด "พรีเมียร์" ใน "เออีซี" จ้ะ "

หวัดดีเช้าสดชื่นในวันหยุดจ้ะ

ขออนุญาตนำเสนอนะจ๊ะ

'พรีเมียร์ลีก'พลิกเกมเพย์ทีวี ทรูวิชั่นส์เต็ง 1 ถ่ายทอดสด
ขอขอบคุณที่มาจ้ะ Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th)

Saturday, November 07, 2015 03:02
48224 XTHAI XOTHER XCLUSIVE XECON DAS V%PAPERL P%PTK

รอความชัดเจนจากบีอินสปอร์ต (BeIn Sports) ช่องกีฬาข้ามชาติจากกาตาร์ ในเครืออัลจาซีราคอนเฟิร์มเท่านั้น หลังจาก Mediabusinessasia.com รายงานว่า บีอินสปอร์ต คือ ผู้ชนะประมูลถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษรวม 3 ฤดูกาล (2016-2019) ในไทย ด้วยมูลค่าประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ราว 10,500 ล้านบาท เอาชนะทั้งซีทีเอช, ทรูวิชั่นส์ และฟอกซ์ สปอร์ต
แหล่งข่าวจากธุรกิจเพย์ทีวี กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บีอินสปอร์ตจากกาตาร์ เป็นผู้ชนะประมูลถ่ายทอดสดในสิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, ไทย ด้วยวงเงินราว 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่น่าสนใจ และต่ำกว่าซีทีเอช ครั้งที่แล้วที่สูงถึง 12,000 ล้านบาท แต่ครอบคลุมแค่ไทย กัมพูชา และลาว
สำหรับแผนการตลาดของบีอินสปอร์ต คาดว่าจะไม่ขายคอนเทนต์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษให้แก่รายใดรายหนึ่งแน่นอน แต่ทราบว่าเบื้องต้น "ทรูวิชั่นส์" เดินหน้าเจรจาขอเป็นผู้ถ่ายทอดสดใน เครือข่ายของตัวเอง
"เชื่อว่าซีทีเอชก็ต้องเจรจากับบีอินสปอร์ต ด้วยเช่นกัน" แหล่งข่าวคนเดิมระบุ
ซึ่งการได้สัญญาการถ่ายทอดสดในครั้งนี้ บีอินสปอร์ตสามารถแบ่งขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดได้หลายแพลตฟอร์ม ทั้งเพย์ทีวี ฟรีทีวี รวมถึงผู้ให้บริการเสริมในเครือข่าย โทรศัพท์มือถือและอื่น ๆ ด้วย
"เขมทัตต์ พลเดช" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (ช่องพีพีทีวี) ยืนยันกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ถึงแม้ผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจะเปลี่ยนเป็นรายใหม่ พีพีทีวียังสนใจถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาลหน้า แต่ต้องประเมินจาก 3 ปัจจัยหลักอีกครั้ง ได้แก่ ใครเป็นผู้ได้สิทธิ์ในไทยต่อจากบีอินสปอร์ต งบฯลงทุน และแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้าจะเป็นอย่างไร
"บริษัทสนใจอยู่แล้ว ต้องดูว่าค่าลิขสิทธิ์ จะเป็นอย่างไร โดยที่ปัจจุบันเราได้ถ่ายสด 26 แมตช์ เพื่อสร้างช่อง "พีพีทีวีเอชดี" ให้เป็นที่รู้จัก แต่ในแง่ของรายได้แล้วถือว่ายังไม่ครอบคลุม"
ทั้งนี้ เชื่อว่าแผนการตลาดของบีอินสปอร์ต จะไม่เฉพาะเจาะจงขายลิขสิทธิ์ให้แก่รายใดรายหนึ่ง แต่จะแยกขายในทุกแพลตฟอร์ม เพื่อครอบคลุมผู้ชมและสร้างรายได้มากที่สุด
ด้านเจ้าตลาด "ทรูวิชั่นส์" ซึ่งสามารถรักษาฐานคนดูไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะไม่มีฟุตบอลพรีเมียร์ลีกใน 3 ฤดูกาล ที่ผ่านมา ด้วยการปรับกลยุทธ์ เลิกพึ่งพาคอนเทนต์แม่เหล็กอย่าง "พรีเมียร์ลีกอังกฤษ" แต่ยังคงย้ำจุดยืน "คิงออฟสปอร์ต" เพราะมีการถ่ายทอดสดแข่งขันกีฬาหลายประเภท ทั้งเทนนิส กอล์ฟ แบดมินตัน วอลเลย์บอล และฟุตบอล ฯลฯ
อีกทั้งได้เพิ่มคอนเทนต์กีฬาใหม่ ๆ เข้ามาต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานสมาชิกเดิมที่มีอยู่ 2.7 ล้านราย
ปัจจุบันทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดสดฟุตบอล ต่างประเทศ 6 รายการ และเพิ่งต่อสัญญา ถ่ายทอดสดโตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก, ยามาฮ่า ลีก วัน, โตโยต้า ลีก คัพ และช้าง เอฟเอคัพ อีก 3 ฤดูกาล ภายใต้งบฯลงทุนรวม 4,200 ล้านบาท
แนวรบพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่เปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับการเป็นคู่ค้ากันอยู่แล้ว ทำให้ทรูวิชั่นส์มีภาษีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแหล่งข่าวระดับนโยบายของทรูฯ ยอมรับกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จะมีการเจรจากับ "บีอินสปอร์ต" ในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน แต่พูดอะไรไม่ได้ เพราะต้องมีรายละเอียดที่ต้องเจรจามาก
ในส่วนของเจ้าของลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษในไทย ที่กำลังจะหมดฤดูกาลลง เดือนพฤษภาคมปี 2559 ผู้สื่อข่าวสอบถาม ถึงทิศทางธุรกิจจาก "วิชัย ทองแตง" ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ได้รับคำตอบว่า ยังไม่สะดวกให้รายละเอียดเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ย้อนไปเมื่อปี 2555 ซีทีเอชได้ทุ่มทุน 12,000 ล้านบาท เพื่อคว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษรวม 3 ฤดูกาล หวังเบิกทางเข้าสู่ตลาดเพย์ทีวี แต่ทำได้เพียงแค่สร้างชื่อเท่านั้น เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่าซีทีเอชขาดทุน 3 ปี รวมประมาณ 7,946 ล้านบาท โดยปี 2557 ขาดทุน 4,455 ล้านบาท ปี 2556 ขาดทุน 3,279 ล้านบาท และปี 2555 ขาดทุน 212 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ในปี 2557 เพียง 2,671 ล้านบาท
ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ชัดเจนว่า "ทรูวิชั่นส์" มีโอกาสได้ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาลหน้ามากที่สุด และอาจรวมไปถึงช่องทางอื่น ๆ อาทิ ทีวีดิจิทัลทางช่องทรูโฟร์ยู ทีเอ็นเอ็น 24 กระทั่งการรับชมผ่านช่องทางมือถือของ "ทรู" เอง ซึ่งคาดว่าจะมีบทบาทขึ้นเรื่อย ๆ ในยุค 4G
ขณะที่ "ซีทีเอช" คงต้องหาทางพลิกสถานการณ์ ด้วยการเสาะหาคอนเทนต์รายการอื่น ๆ มาทดแทน ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ทรูวิชั่นส์เอาตัวรอดมาแล้ว แต่สถานการณ์ของซีทีเอชในวันนี้ยุ่งยากกว่า ทรูวิชั่นส์เมื่อ 3 ปีก่อน (ซึ่งทรูวิชั่นส์หมดสัญญาการถ่ายทอดสดกับพรีเมียร์ลีก) ไม่น้อย
อีกไม่นานเกินรอคงได้รู้กันว่าคนไทยจะมีโอกาสรับชมฟุตบอลยอดนิยมรายการนี้ จากค่ายใด
อดใจรอสักนิด--จบ--

ขอขอบคุณที่มาจ้ะที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 - 11 พ.ย. 2558--

ปล.ช่วงนี้ฝุ่นยังตลบอยู่นะจ๊ะ ต้องรอความชัดเจนอีกทีจ้ะ ว่าท้ายที่สุดแล้วจะลงในแพลตฟอร์มกล่องใดบ้างจ้ะ แต่คนที่มีกล่องครบทุกค่ายแล้ว เชื่อว่าคงไม่ต้องซื้อใหม่จ้ะ เพราะเราเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วอย่างน้อยต้องมี โอเปอร์เรเตอร์ของไทยค่ายใดค่ายหนึ่งซื้อไปเป็นอย่างน้อยจ้ะ

ไปแล้วนะจ๊ะ

บายจ้ะ

	ชื่อ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน 01, พฤศจิกายน 2024, 08:00:41 am

ข่าว: :: ต้องการประชาสัมพันธ์สินค้าติดต่อ boransat@gmail.com ::