Http://www.tvdigitalthailand.comทุนข้ามชาติแห่ชิงเค้กทีวีดิจิตอล เฮโลขนเทคโนโลยีอัดแน่นทะลุจอ หวังโกยแชร์ช่วงเปลี่ยนถ่ายอะนาล็อก "แอลจี" จ่อผลิตระบบ DVB-T2 10 รุ่นรวด เผยคนไทยหันซื้อแอลอีดีทีวีเพิ่ม กดดันตลาดแอลซีดีทีวีทรุด คาดอยู่ได้อีกแค่ 1 ปี "โซนี่" ย้ำทุกรุ่นใหม่ต้องรับดิจิตอลได้ทันที "โตชิบา" จ่อนำเข้าจากอินโดฯ ขณะที่ เพาเวอร์บายจับมือผู้ผลิตดัมพ์ราคาแอลซีดีลง 35% หวังกระตุ้นยอดขายหลังพบคนชะลอการซื้อ
การประกาศเปลี่ยนถ่ายระบบทีวีเมืองไทยจากอะนาล็อกสู่ดิจิตอล ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อเป็นการยกระดับทีวีเมืองไทยให้ก้าวหน้าทัดเทียมหลายประเทศมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งการประมูลจะเกิดขึ้นในกลางปีนี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการในหลายธุรกิจที่สนใจร่วมผลิตคอนเทนต์ต้องเตรียมความพร้อมอย่างหนัก ขณะที่ผู้ผลิตทีวีซึ่งถือเป็นฮาร์ดแวร์สำคัญก็ต้องปรับตัวเพื่อชิงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่จะล่อใจให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อแบรนด์ของตนเอง
ต่อเรื่องดังกล่าวนายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า "แอลจี" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แอลจีมีความพร้อมในการผลิตทีวีดิจิตอล จูนเนอร์ ซึ่งสามารถรับสัญญาณดิจิตอลได้ทันทีกว่า 10 รุ่นหลังจากที่มีการเปิดรับสัญญาณดิจิตอลในระบบ DVB-T2 อย่างเป็นทางการ และสามารถจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคได้ในทันที ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ทำการผลิตทีวีรุ่นที่สามารถรองรับสัญญาณดังกล่าวจำหน่ายแล้วในประเทศแถบยุโรปที่มีการรับสัญญาณ DVB-T2
อย่างไรก็ดีปัจจุบันผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อแอลอีดีทีวีแทนที่แอลซีดีมากขึ้น ซึ่งบริษัทมีไลน์อัพทีวี LED,LCD ในตลาดทั้งสิ้น 40 รุ่น โดยมีเพียง 5 รุ่นเท่านั้นที่เป็นแอลซีดีทีวี ดังนั้นหากประเทศไทยเข้าสู่ยุคของดิจิตอลทีวี มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการดัมพ์ราคาขายของทีวีแอลซีดีในตลาดแน่นอน
"ตอนนี้กระแสแอลซีดีทีวีในบ้านเราคาดว่าน่าจะอยู่ในตลาดได้อีกประมาณ 1 ปีเนื่องจากการเข้ามาแทนที่ของแอลอีดีทีวี ซึ่งมีข้อได้เปรียบคือหากมีการเปลี่ยนระบบจูนเนอร์ข้างใน ก็จะสามารถรองรับระบบดิจิตอลทีวี DVB-T2 ได้ ซึ่งมองว่าตลาดแอลอีดีบ้านเรายังจะสามารถอยู่ได้อีกนาน ดังนั้นการลดราคาของแอลซีดีทีวีในตลาดจึงไม่ใช่การดัมพ์ราคาลงมาเพื่อแข่งขันแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการปรับลดลงตามความนิยมที่น้อยลงในบ้านเราเท่านั้น"
ขณะที่ทีวีดิจิตอล จูนเนอร์ที่ทางบริษัทวางเป้าหมายในการผลิตขึ้นมารองรับระบบดิจิตอลทีวี DVB-T2 ทั้ง 10 รุ่นในปีนี้ คาดว่าอาจจะมีราคาแพงกว่าแอลอีดีอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 10% โดยมองว่าหากมีการออกอากาศเต็มรูปแบบของดิจิตอลทีวีเกิดขึ้นช่องว่างระหว่างทีวีแบบแอลอีดีธรรมดา และแอลอีดี ทีวี ดิจิตอล จูนเนอร์ แบบบิลด์อิน (มีจูนเนอร์เพื่อรับสัญญาณระบบดิจิตอล DVB-T2 ในตัว) จะลดเหลือเพียง 5% โดยปัจจุบันขนาด 32 นิ้ว วางจำหน่ายในราคา หลักหมื่นบาทขึ้นไป ขณะที่แอลซีดีทีวี ขนาด 32 นิ้ววางจำหน่ายในราคา 9 พันบาท
++ ดันตลาดทีวีไทยโต 10%
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ทั้งนี้การเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอลยังไม่ถือเป็นโอกาสของผู้เล่นรายเล็กที่จะเข้ามาฉวยโอกาสในการทำตลาดในช่วงนี้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันยังคงเลือกซื้อทีวีด้วยความน่าเชื่อถือของแบรนด์เป็นหลัก โดยมี 3 องค์ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือ 1. เรื่องรูปแบบและดีไซน์ที่สวยงาม ตรงตามความต้องการ 2.ความเป็นฟีเจอร์ทีวีของสินค้าแต่ละแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ททีวี ที่มีฟังก์ชันให้เลือกหลากหลาย 3.ความเป็น LED และ LCD
อย่างไรก็ตามปัจจุบันแอลจี ถือเป็นผู้เล่นเบอร์สองในตลาดทีวีเมืองไทย ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 22% ซึ่งการเกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลต่อมูลค่าเม็ดเงินในตลาดรวมทีวีให้สูงขึ้นมากนัก เนื่องจากราคาไม่ต่างกันมาก แต่จะส่งผลในเรื่องของความต้องการด้านดีมานด์ให้เพิ่มขึ้น
"เมื่อ กสทช.มีความพร้อมในการให้บริการระบบดิจิตอล แอลจีก็พร้อมที่จะผลิตทีวีออกมารองรับ แต่เบื้องต้นอยากให้มีความชัดเจนเรื่องของข้อกำหนดต่างๆ เสียก่อน เพื่อให้ผู้ผลิตคอนเทนต์สามารถผลิตออกมาได้ทันระยะเวลาในปลายปีที่จะถึงนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิตอลของวงการทีวีเมืองไทยคาดว่าน่าจะใช้เวลาในช่วงเปลี่ยนผ่านของยุคอยู่ที่ 5 ปีเพื่อเข้าสู่ความเป็นดิจิตอลทั้งหมด ซึ่งน่าจะทำได้เร็วกว่าในเกาหลีและอเมริกาที่ใช้ช่วงระยะเปลี่ยนผ่านถึง 7-8 ปี เนื่องจากเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้น "
สำหรับภาพรวมตลาดทีวีเมืองไทยหลังจากที่จะมีการเกิดเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ทีวีดิจิตอลนั้น คาดว่าจะผลักดันให้ตลาดทีวีเมืองไทยเติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปกติที่ตลาดทีวีเมืองไทยมีการเติบโตราว 5% ในปีที่ผ่านมา จากมูลค่าตลาดทั้งสิ้น 3 ล้านยูนิต แบ่งเป็นจอแก้ว 20% และจอ LCD,LED 80% ซึ่งในอนาคตสัดส่วนจอแก้วจะลดจำนวนลงเรื่อยๆจากการเข้ามาของทีวีดิจิตอล
ปัจจุบันการบริโภคทีวีของคนไทยมีอัตราสูงถึง 99% ของจำนวนครัวเรือน โดยพบว่ามีอัตราเฉลี่ยกว่า 1 เครื่องต่อครัวเรือน และในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีอัตราเฉลี่ย 2 เครื่องต่อครัวเรือน อย่างไรก็ดีการเข้ามาของทีวีดิจิตอล ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถรับชมช่องรายการได้หลากหลายขึ้น จะส่งผลทำให้การบริโภคทีวีของคนไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 3 เครื่องต่อครัวเรือน เชื่อว่าหากการเข้าสู่ระบบดิจิตอลจะส่งผลต่อการซื้อทีวีของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เครื่องต่อ 1 ครัวเรือน เนื่องจากจำนวนช่องที่หลากหลายขึ้น
++ โซนี่ย้ำรุ่นใหม่รับดิจิตอลได้
ด้านนายภิญโญ สงวนเศรษฐกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายและการตลาดผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า "โซนี่" กล่าวว่า บริษัทเตรียมผลิตทีวีดิจิตอล จูนเนอร์ในระบบ DVB- T2 เพื่อรองรับทีวีดิจิตอล ซึ่งเป็นระบบเดียวกับหลายประเทศเลือกใช้ สำหรับทีวีทุกรุ่นที่จะออกจำหน่ายในปีงบประมาณใหม่นี้ (เมษายน 2556-มีนาคม 2557) ทั้งนี้เพื่อรองรับการเกิดทีวีดิจิตอล ที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถรับชมรายการที่หลากหลายขึ้น ทำให้มีความต้องการทีวีมากขึ้นเพื่อเลือกดูคอนเทนต์ที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ดี ช่วงที่ผ่านมาทีวีของโซนี่ในบางรุ่นที่วางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ก็รองรับดิจิตอลทีวีได้อยู่แล้ว
"ในปีนี้ทีวีรุ่นใหม่ทุกรุ่นที่จะเปิดตัวออกมา จะสามารถรองรับดิจิตอลทีวีได้ทั้งหมด เพื่อเป็นการรองรับตลาด ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการผลิตทีวีดิจิตอลจำหน่ายแล้วในหลายประเทศ อย่างไรก็ตามสำหรับประเทศไทยเรามีทีวีที่สามารถรองรับระบบดิจิตอลได้อยู่แล้วราว 2-3 รุ่น"
++ โตชิบาพร้อมนำเข้าจากอินโดฯ
ขณะที่นายณัฐพงษ์ อารีกุล รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า "โตชิบา" กล่าวว่า โตชิบาพร้อมที่จะนำเข้าทีวีดิจิตอลมาจำหน่ายทันที หากพบว่าตลาดต้องการเนื่องจากบริษัทพัฒนาและมีเทคโนโลยีทีวีดิจิตอลมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีฐานการผลิตอยู่ที่อินโดนีเซีย และโปแลนด์ ซึ่งเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปทำตลาดในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป ดังนั้นหากตลาดเมืองไทยมีดีมานด์ก็พร้อมนำเข้ามาจำหน่ายทันทีโดยเป็นการนำเข้าจากอินโดนีเซีย ขณะที่ในปัจจุบันมีทีวีของโตชิบาที่สามารถรองรับระบบดิจิตอลวางจำหน่ายอยู่แล้วในหลายรุ่น
บริษัทรอความชัดเจนของกสทช. ว่าจะมีข้อกำหนดในการใช้ระบบทีวีดิจิตอลอย่างไร เพราะหากมีการปรับเปลี่ยนจริงทั้งระบบจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากพอควร เช่น ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีการปรับระบบทีวีจากอะนาล็อกสู่ดิจิตอลพร้อมกันทั้งประเทศ ทำให้บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ามียอดขายทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือน แต่หลังจากนั้นพบว่ายอดขายทรงตัว ขณะที่เมืองไทยเองยังไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้ระบบทีวีดิจิตอลอย่างเดียว หรือจะใช้ควบคู่กับอะนาล็อกไปด้วย
อย่างไรก็ดี ขณะที่แนวโน้มความต้องการเทคโนโยลีใหม่ที่กำลังจะเข้ามาเพื่อรองรับทีวีดิจิตอล เช่น แอลอีดีทีวี ทำให้พบว่าตลาดจอแอลซีดีทีวีมียอดขายลดลงต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะพบว่า มีการดัมพ์ราคาแอลซีดีทีวีลงอย่างมาก โดยโตชิบาก็เป็น 1 ในผู้ประกอบการที่ลดราคาแอลซีดีทีวีลงมา โดยหนึ่งในแผนที่นายยูกิฮารุ อาดาชิ ประธานบริษัท โตชิบาฯ ได้ประกาศรุกตลาดในปี 2556 คือ การประกาศเลิกผลิตจอแอลซีดีทีวี พร้อมเปิดตัวแอลอีดีทีวี 20 รุ่น ตั้งแต่ขนาด 23-55 นิ้ว มีระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 7.94 พัน 3.99 แสนบาทเข้ามาทำตลาดด้วย
++ ดัมพ์ราคา 35% กระตุ้นกำลังซื้อ
นางสาวสอางทิพย์ อมรฉัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อทีวีบ้างแล้ว เนื่องจากรอความชัดเจนของกสทช. ในการกำหนดให้แพร่ภาพสัญญาณทีวีในระบบดิจิตอล ส่งผลให้ทางผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายต้องทำการตลาดเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เช่น เพาเวอร์บาย ได้จัดรายการส่งเสริมการขายด้วยการให้ส่วนลดกับโทรทัศน์ทั้งที่เป็นรุ่น LED, รุ่น LCD และ Smart TV สูงสุดถึง 35% จากความร่วมมือกับผู้ผลิตและสถาบันการเงินต่างๆ
"ปัจจุบันการแข่งขันของตลาดทีวีก็มีความรุนแรง ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายต่างก็มีโปรโมชันออกมากระตุ้นตลาดกันอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าภาพรวมตลาดทีวีในปีนี้ยังคงเติบโตต่อไปได้ในอัตรา 10-15% แม้ว่าผู้บริโภคจะยังลังเลการตัดสินใจซื้ออยู่บ้างก็ตาม ในส่วนของเพาเวอร์บายเองก็พยายามให้ความรู้กับผู้บริโภค เกี่ยวกับเรื่องทีวีดิจิตอล สำหรับทีวีรุ่นใหม่ผู้ผลิตก็ต้องผลิตให้สามารถรองรับกับการส่งสัญญาณดิจิตอลได้ ส่วนทีวีที่มีอยู่ในตลาดก็จะมีเอกชนผลิตกล่องรับสัญญาณออกมาขายเพื่อนำมาใช้กับทีวีรุ่นเดิม หรือผู้จำหน่ายกล่องเคเบิลทีวีก็คงจะปลดล็อกสัญญาณให้กล่องเคเบิลสามารถรับทีวีดิจิตอลได้ด้วย"
++ เบ็ดเสร็จในกล่องรับสัญญาณเดียว
นายชัยยุทธ ทวีปวรเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม วี เทเลวิชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ประกอบการในธุรกิจทีวีดาวเทียมในไทยและทีวีดาวเทียม,ทีวีดิจิตอลในสปป.ลาว กล่าวว่า ต่อไปเทคโนโลยีการผลิตทีวีจะรวมอยู่ในกล่องรับสัญญาณ(Set Top Box)เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมีกล่องรับสัญญาณหลายกล่อง จะเป็นระบบที่สามารถจูนช่องได้เลยจากทีวี จากที่ปัจจุบันจะดูทีวีดาวเทียมก็จะมี 1กล่องที่รับสัญญาณ ต่อไปเมื่อมีทีวีดิจิตอลด้วยก็จะต้องติดตั้งกล่องรับสัญญาณเพิ่มอีกกล่องสำหรับใช้กับทีวีที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน อาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการใช้งาน
ส่วนกรณีที่มีการพูดถึงขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจากทีวีนั้นเข้าใจว่าจะเป็นทีวีรุ่นเก่าที่ใช้จอแก้ว ที่ส่วนใหญ่จะใช้งานมานานแล้ว และกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยรวมจะมีอยู่ตามครัวเรือนรวมแล้วราว 20-30% ของทีวีทั้งหมดทั่วประเทศที่มีอยู่ 22 ล้านครัวเรือน ที่กำลังจะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้วถึงแม้ไม่มีทีวีดิจิตอล เพราะหมดอายุการทำงาน
"การเปลี่ยนจากทีวีระบบอะนาล็อกไปเป็นทีวีดิจิตอลว่าเพียงแค่เปลี่ยนสถานีส่งให้เป็นทีวีดิจิตอลแล้วนำกล่องรับสัญญาณมารับต่อเข้าทีวีปัจจุบันก็สามารถดูได้เพราะส่วนใหญ่จอทีวีจอแอลซีดี และจอแอลอีดีเกือบหมดแล้ว ซึ่งทีวีเหล่านี้แค่ซื้อกล่องที่มีสัญลักษณ์DVB-T2 ก็สามารถดูได้ จากปัจจุบันกล่องที่ใช้จะมีสัญลักษณ์ที่กล่องDVB-S"
ด้านแหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์กล่าวว่าปกติทีวีจะมีอายุการใช้งานนานตั้งแต่10-20 ปี โดยเฉพาะทีวีจอแก้ว หรือจอซีอาร์ที รุ่นเก่าที่ทนทานมาก แต่ตอนหลังในช่วง10-20 ปีมานี้เทคโนโลยีจอทีวีมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากทีวีจอแก้ว มาเป็นจอแบนซึ่งมีเทคโนโลยี3รุ่นที่ออกสู่ตลาดคือ 1. จอภาพแบบ Plasma TV จะคล้ายจอแก้วมีเทคโนโลยีที่กินไฟมาก แต่จะให้ความคมชัดสว่างขึ้น แต่มีอายุการใช้งานสั้น 2.จอแอลซีดี กินไฟน้อยกว่าจอพลาสมา แต่สีดำที่หน้าจอจะไม่ดำสนิท 3.จอแอลอีดี เป็นเทคโนโลยีจอภาพล่าสุดที่นิยมใช้ เป็นเทคโนโลยีที่มาแก้ปัญหาความไม่ชัดของแอลซีดีให้คมชัดยิ่งขึ้น และกินไฟน้อยกว่าจอพลาสมา
ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคยังมีความหลากหลายในการใช้ทีวีเนื่องจากจอภาพไม่เหมือนกัน บางบ้านเครื่องเก่าที่เป้นจ่อแก้วยังใช้งานได้อยู่ หากยังรับสัญญาณอะนาล็อกอยู่ ก็จำเป็นต้องใช้กล่องรับสัญญาณ(Set Top Box)จากดิจิตอลให้มาเป็นอะนาล็อกถึงจะดูทีวีในระบบดิจิตอลในทีวีเครื่องเก่าได้โดยต้องผ่านการแปลงสัญญาณก่อน จากที่ปัจจุบันจะมีระบบการกระจายสัญญาณอยู่ 2 แบบคือแบบภาคพื้นดินกับภาคอากาศ
อนึ่งกระบวนการทำงานในกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ของกสทช.(บรอดแคสต์)ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ภายใต้กรอบเวลาการออกใบอนุญาตช่องรายการโทรทัศน์ระบบดิจิตอลหรือทีวีดิจิตอลมีจำนวน 48 ช่อง ประกอบด้วยรายการประเภทสาธารณะ 12 ช่องที่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน2556 กสทช.จะพิจารณาหลักเกณฑ์ช่องทีวีสาธารณะและในเดือนพฤษภาคมก็จะออกใบอนุญาตช่องรายการดังกล่าว และในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมจะประมูลช่องรายการประเภทธุรกิจ 24 ช่อง หลังจากนั้นในช่วงตุลาคมจะออกใบอนุญาตประเภทรายการช่องชุมชนอีก 12 ช่อง