เพื่อน ๆ ช่างลองกับไปอ่านประกาศใหม่ดูนะครับ เขาบอกว่า "กิจการโทรทัศน์แบบบอกรับเป็นสมิกชิก" นะครับ ไม่ใช่ทั่ว ๆ ไปนะครับ
ค่อยๆ อ่านกันใหม่ให้ชัดๆ แล้วค่อยๆ คิดตามไป เพื่อให้เข้าใจวัตุประสงค์ของประกาศ ผมอ่านแล้วเข้าใจว่าอย่างนี้ครับ ..
1-มีผลต่อกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกเท่านั้น ไม่ว่าจะเก็บรายเดือนหรือไม่ก็ตาม น่าจะหมายถึง ทรู แกรมมี่ ดีทีวี (น่าจะรวมพวกเคเบิ้ลด้วย) ที่เก็บแบบรายเดือนและ/หรือเติมเงิน พีเอสไอ ไอพีเอ็ม ฯลฯ ที่เก็บครั้งเดียวตอนซืื้อเครื่อง สังเกตดูคำนิยาม "การประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์แบบบอกรับเป็นสมาชิก นั้น เขาหมายถึง การให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ประเภทที่ผู้ใช้บริการประสงค์จะรับบริการดังกล่าวตามเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการกำหนด โดยผู้ให้บริการไม่ประสงค์จะให้บริการเป็นการทั่วไป ซึ่งจะมีค่าบริการหรือไม่ก็ได้" .. เห็นได้ชัดว่าเขาใช้คำว่า "โดยผู้ให้บริการไม่ประสงค์จะให้บริการเป็นการทั่วไป ซึ่งมันก็หมายถึงเขาส่งคลื่นกระจายเสียงและโทรทัศน์ของเขาเองและไม่ได้ตั้งใจส่งให้ดูแบบสาธารณะที่ใครๆ ก็ดูได้ ด้วยการเข้าระหัสไว้ .. ชัดเจนครับว่าเขาหมายถึงผู้ประกอบการกลุ่มนี้เท่านั้น กลุ่มนี้ต้องจ่าย 10 บาทต่อเครื่องสำหรับที่ผลิตหรือนำเข้า และจ่ายอีกปีละ 5000 ในฐานะผู้จำหน่าย ตามด้วยอีกปีละ 1000 ในฐานะผู้มีไว้จำหน่ายหรือติดตั้ง
2-ร้านค้าทั่วไป .. ถ้าไม่ขายเครื่องของกลุ่มดังกล่าว ประมาณว่าขายและติดตั้งเครื่องที่ไม่มีการถอดระหัสการส่งกระจายเสียงและโทรทัศน์ของเขา ก็ไม่น่าจะเข้าข่าย อย่างไรก็ตาม ร้านค้ามากมายต้องขายเครื่องพวกนี้แน่ เช่น ไอพีเอ็ม พีเอสไอ เป็นต้น ซึ่งจะไปเข้าข่าย มีไว้จำหน่ายหรือติดตั้ง ก็ต้องขออนุญาตและจ่ายไป 1000 บาทต่อปี .. ไม่เห็นมีข้อไหนที่ระบุไว้ว่า ตัวช่างผู้ติดตั้งต้องขออนุญาตเป็นผู้ติดตั้ง หรือต้องมีใบอนุญาตในการติดตั้งเครื่องดังกล่าว ค่ารายปี 1000 บาท ตามความเข้าใจของผม น่าจะเป็นใบอนุญาตร้านค้าที่มีไว้เพื่อจำหน่ายหรือติดตั้ง เครื่องรับที่ถอดระหัสได้ของกิจการดังกล่าว
3-ที่บรรดากิจการดังกล่าว เช่น ไอพีเอ็ม พีเอสไอ ออกมาชวนช่างไปอบรมและออกใบรับรองให้นั้น ตามความเข้าใจของผม น่าจะเป็นความรับผิดชอบที่ผู้ประกอบการต้องมีผู้ติดตั้งที่มีความรู้ เชี่ยวชาญ เพื่อติดตั้งให้เครื่องรับของตนใช้งานได้เป็นอย่างดี เมื่อมีการร้องเรียน ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ จะได้ติดตามได้ว่าใครเป็นผู้ติดตั้ง แต่ผู้ติดตั้งก็ไม่ต้องมีใบอนุญาตแต่อย่างใด .. ถ้าผมเข้าใจถูกต้อง ผู้ประกอบการ เช่น ไอพีเอ็ม พีเอสไอ ควรที่จะอธิบายและชี้แจงให้ปรรดาช่างผู้ติดตั้งจาน+เครื่องรับได้เข้าใจให้ถูกต้อง ว่า ที่อบรมและออกใบรับรองให้นั้นเป็นของกิจการของตัวเอง เพื่อรักษามาตรฐาน คุณภาพของกิจการ ประมาณได้ว่าเริ่มเข้ามาดูแลคุ้มครองผู้บริโภคด้วย
** ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจและเป็นความเห็นส่วนตัวที่อยากออกความเห็นมา ณ ที่นี้ เพราะเห็นว่าเป็นประเด็นร้อน และช่างติดจานยังไม่เข้าใจและออกมาบ่นกันมากมาย แต่ผมไม่เห็นคนที่รู้จริงๆ มาตอบกระทู้ซักคน พวกที่ชวนไปอบรมก็ไม่ชี้แจงอธิบายความให้กระจ่างชัด หากเข้าใจผิดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผมก็เป็นแค่ สว (สูงวัย) ที่ไม่ชอบเจ้าของกิจการที่ชอบทำตัวผูกขาดและไม่เห็นหัวลูกค้า เลยจำเป็นต้องชอบติดจานด้วยตัวเอง **
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับท่านทำให้เข้าใจขึ้นอีกเยอะเลย
แสดงว่า ผู้ออกกฎหมาย ต้องการ แยก ระหว่าง เสาอากาศอนาล็อก กับ Dvb-T , Dvb-S และ Dvb-C ออกจากกัน ซึ่งประเด็น จะเห็นได้ชัด ในคำว่า ผู้ให้บริการ ไม่ประสงค์จะให้บริการ เป็นการทั่วไป. พูดง่ายๆคือ กฎหมาย ต้องการเก็บเงิน จาก เครื่องรับ ที่ขึ้นต้นว่า Dvb นั่นแหละ
ต้องเข้าใจ จุดประสงค์ของกฎหมาย ต้องการเพิ่มรายได้ให้รัฐ
สรุป
1.เขาจะเก็บค่าใบอนุญาติ จาก เครื่อง Dvb นำเข้า ผลิต ให้ยืม ยังเก็บเลย
2.ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งเป็น
- ผู้ขาย โดนเยอะหน่อย
- ผู้ติดตั้ง โดนน้อยหน่อย
ทางเลี่ยงสำหรับช่าง
1.อย่าขาย ถึงขาย ก็อย่าให้มีหลักฐานการขาย
2.อย่าติดตั้งโดยเปิดเผย แอบๆติด หลังบ้านลูกค้า
3.อย่าติดสติ๊กเกอร์ที่รถ ว่ารับติดตั้ง เพราะจำนนด้วยหลักฐาน
4.ติดตั้งโดยมีสังกัด คือโยนภาระรับผิดชอบ ไปให้บริษัทจาน แบบที่ Psi กับ Ipm จะมาช่วยรองรับให้
5.พยายามหลีกเลี่ยงคำว่า จำหน่าย ให้มีแค่คำว่าติดตั้ง ก็พอ