ทรูวิชั่นส์" เจรจา "บีอิน" รื่น! ดึงสิทธิ์ยิงสด "พรีเมียร์ลีก"
ขอขอบคุณที่มาจ้ะSource - เว็บไซต์เดลินิวส์ (Th)
Saturday, December 05, 2015 16:50
"ทรูวิชั่นส์" ลุยต่อ! เจรจา "บีอิน สปอร์ต" ดึงสิทธิ์ยิงสด "พรีเมียร์ลีก อังกฤษ" ร่วมกัน หลังการพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น แย้มรู้ผลก่อนปิดฤดูกาลนี้ "พีรธน เกษมศรี" เผยปีหน้าดึงทีมลูกหนังยักษ์ใหญ่มวาดลวดลายแดนสยามแน่นอน
หลังจาก บีอิน สปอร์ต ของอัลจาซีร่า กาตาร์ ได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในพื้นที่ประเทศไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, บรูไนฯลฯ ยกเว้น สิงคโปร์-เมียนมาร์ ที่ไม่ได้ลิขสิทธิ์ โดยมีค่าลิขสิทธิ์เฉพาะประเทศไทย รวม 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี ค.ศ.2016-2019 เป็นเงินประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,500 ล้านบาท
ล่าสุด นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าสายงานการพาณิชย์ และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทรูวิชั่นส์ กำลังพูดคุยกับ บีอิน สปอร์ต ถึงความเป็นไปได้ ที่จะนำศึกฟุตบอลลีกสูงสุดของถิ่นผู้ดีกลับมาถ่ายทอดสดให้แฟนบอลชาวไทยได้ชมกันอีกครั้ง หลังจากเว้นไป 3 ปี อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า มูลค่าที่ บีอิน สปอร์ต ประมูลนั้นสูงมาก ทำให้เชื่อว่าเขาต้องมีแผนการธุรกิจที่จะมุ่งเน้นหาต้นทุน และกำไรคืนในส่วนที่เขาต้องจ่ายทางธุรกิจไปกลับมา
นายพีรธน กล่าวอีกว่า ในส่วนของทรูวิชั่นส์มีความสัมพันธ์ และเป็นพันมิตรทางธุรกิจที่ดีต่อ บีอิน สปอร์ต เขาจึงมีความเชื่อมั่นเราไม่น้อย และการเจรจาก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปก่อนจบฤดูกาลนี้แน่นอน โดยจุดเด่นของเราคือช่องทางในการนำเสนอที่มีจำนวนช่องมากมาย และทีมงานที่เป็นมืออาชีพ ทำให้ผู้ชมจะได้รับอรรถรสในการชมฟุตบอลอย่างสนุก แต่ถึงอย่างไร นี่เป็นธุรกิจหากต้องลงทุนเกินความจำเป็นทางทรูวิชั่นส์ ก็ไม่กล้าการันตีว่าจะยืนยันว่าแฟนบอลจะได้ชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครบทุกนัดหรือไม่
เราต้องดูข้อตกลง และความเหมาะสมทางมูลค่าในการลงทุน ว่าจะนำมาออกในช่องทางใดได้บ้าง หากต้องลงทุนมากเกินไปจนไม่คุ้มทุน เราคงต้องมองข้ามไป เพราะตอนนี้เราก็มีฟุตบอล ไทยพรีเมียร์ลีก และกีฬาชั้นนำอีกหลายรายการให้สมาชิกได้รับชมอย่างจุใจอยู่แล้ว นอกจากนี้ ในปีหน้าเราก็เตรียมดึงทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ในยุโรปมาลงเตะโชว์ฝีเท้าที่ไทยอีกครั้ง ส่วนจะเป็นทีมจากลีกอังกฤษ หรือสเปน คงต้องดูกันอีกครั้ง แต่จะเป็นทีมชั้นนำของโลกแน่นอน นายพีรธน กล่าว
ขอขอบคุณที่มาจ้ะ:
http://www.dailynews.co.th